อ่อนตัว

อ่อนตัว

ขายที่แนวต้าน เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : คาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวต้าน 1308 / 1318 จุด แนวรับ 1293 / 1288 จุด ปัจจัยลบ คือ ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่อาจนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ หลังจีนมีมติให้ออกกฎหมายมั่นคงในฮ่องกงเมื่อวันศุกร์ และสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ 33 บริษัท จากจีน ปัจจัยบวก คือ หลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลาย lockdown หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้ ได้แก่

         1) เศรษฐกิจโลกอาจมีการชะลอตัว หากเกิดสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ รอบใหม่ โดยล่าสุด รมว.ต่างประเทศจีน แถลงฮ่องกงต้องไม่อยู่ภายใต้การแทรกแซงของต่างชาติ

         2) การประท้วงใน HK เริ่มขึ้นแล้วเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อ กฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน

         3) สภาฯ จะพิจารณาพ.ร.ก. กู้เงิน 1.9 แสนล้านบาท ในวันที่ 27-31 พ.ค. เพิ่มความเสี่ยงการเมืองระยะสั้น

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: USA-ตลาดหุ้นปิดทำการ-วันMemorial Day, UK-ตลาดหุ้นปิดทำการ-Spring bank holiday, Germany-1Q20E GDP ครั้งสุดท้าย คาดเติบโต -2.3% YoY (Vs 4Q19 +0.4% YoY) -2.2% QoQ (Vs 4Q19 -0.1% QoQ)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันทาการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยร่วงตามภูมิภาค: ตลาดหุ้นไทยร่วงไปต่ำสุดที่ 1286.76 จุด -33.93 จุด ก่อนรีบาวด์ในภาคบ่ายมาปิดที่ 1303.97 จุด -16.72 จุด -1.27% วอลุ่ม 6.45 หมื่นล้านบาท กลุ่ม ปิโตรฯ -5.1% ขนส่ง-2% ธนาคาร -1.87% หลักทรัพย์ที่ร่วงแรง >4% PTTEP PTTGC TOP IRPC THAI PRM PTL ESSO PTL IVL AMA CPR SGP NEX หุ้นบวกแรง STA BGRIM TASCO NER TQM BEAUTY RBF BFIT AEONTS LPN

- ตลาดหุ้นโลกปิดทรงตัว: การวิตกต่อความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลัง ประธานาธิบดีทรัมป์ เตือนว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อจีนที่จะใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงและอาจกระทบต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้า Phase One Deal ส่งผลตลาดหุ้นโลกวันศุกร์ ปิดทรงตัว DJ -0.04% S&P500 +0.24% Nasdaq +0.43% CAC40 -0.02% FTSE -0.37% DAX +0.07% (สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นมากกว่า 3% WoW)

- น้ำมันดิบร่วงลงวันแรกหลังขึ้น6วัน: WTI -USD0.67 -2% ปิด USD33.25/บาร์เรล Brent -USD0.93 -2.6% ปิดที่ USD35.13/บาร์เรล (ทั้งสัปดาห์ WTI +12.6% Brent +8.1% WoW) วิตกอุปสงค์ชะลอตัว กรณีความไม่สงบครั้งใหม่ใน HK

+ ทองคำฟื้นตัว: ปิดที่ USD1735.50/ออนซ์ +USD13.60 +0.79% (ทั้งสัปดาห์ -1.18% WoW) จากการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะวิตกความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญ

+ ไทย: ศบค .รายงาน 1) จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่วันอาทิตย์เพิ่มขึ้น 0 ราย (Vs วันเสาร์ 3 ราย วันศุกร์ 0 ราย) จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สะสมรวม 3,040 ราย และยังคงไม่มีผู้เสียชีวิต ตลอดทั้งสัปดาห์ (จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมรวม 56 ราย)

+ ไทย: ที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบให้ขยายพ.ร.ก. ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน เป็นวันที่ 30 มิ.ย. ตามข้อเสนอของ สมช. และเตรียมเสนอครม. พิจารณาในวันอังคารนี้

- WHO: ประกาศทวีปอเมริกาใต้เป็นแหล่งระบาด COVID-19 โดยบราซิลมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นราย และเสียชีวิตกว่า 1 พันราย

+ USA: สหรัฐฯ เตรียมทดสอบวัคซีนต้าน COVID-19 ครั้งใหญ่ ภายใต้โครงการ ACTIV ของ 6-14 แห่ง ในเดือน ก.ค.

- HK: วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตารวจฮ่องกงยิงแก๊สน้าตาและสเปรย์พริกไทย เพื่อขับไล่กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนที่ไม่เห็นด้วยกับแผนการออกกฎหมายฯ ของจีน

- US-China: ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะกรณีสหรัฐฯ จะมีการถอดถอนบจ. ที่ถือครอง โดยรัฐบาลต่างชาติหรือมีมาตรการตรวจสอบไม่ได้ตามมาตรฐานสหรัฐฯ และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันต่างๆ ของจีนอีก 33 แห่ง เพื่อลงโทษที่เป็นสายลับสอดแนม เรื่องชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ให้กับรัฐบาลจีน หรือมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธทำลายล้างสูง และรับใช้กองทัพจีน

- ผลกำไรบจ.ไทย 1Q20: ตลท. เผย บจ. 671 หลักทรัพย์ หรือ 97.25% รายงานกำไรสุทธิ 1Q20 (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาฯ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ) 98,524 ล้านบาท -60.5% YoY กำไรจากธุรกิจหลัก 124,929 ล้านบาท -52.6% YoY อัตรากำไรขั้นต้นลดจาก 22.2% เป็น 18.9% Net Profit Margin ลดจาก 8.9% เป็น 3.7%

- ไทย Earnings Revision: สัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ค.) ประมาณการ EPS ของดัชนี SET ปี 2020 ปรับลดลงเป็น 68.71 บาท/หุ้น จาก 69.97 บาท/หุ้น ในสัปดาห์ก่อน (ส่งผลให้ Forward PER ปี 2020 สูงถึง 18.98 เท่า)

แนะนำ ขายที่แนวต้าน เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: MAJOR AWC CHG

หุ้นแนะนำขายก่อน: AOT BBL GULF KBANK MINT PTTEP SCB SCC TOP TRUE

Derivatives: แนะเปิด Long S50M20P850 เพื่อประกันความเสี่ยงจากตลาดผันผวน (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)