แกว่งตัว รอปัจจัยใหม่

แกว่งตัว รอปัจจัยใหม่

คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,290 – 1,315 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET วันก่อนปรับตัวลงปิดที่ 1,303 จุด (-16.72 จุด) หรือ -1.27% ด้วย Volume ซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท จากความกังวล Tradewar สหรัฐและจีนรอบใหม่หลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาด รวมถึง Valuation ของ SET ที่ค่อนข้างตึงตัว ส่งผลให้มีแรงขายในกลุ่ม PETRO TRANS BANK และ ENERG ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,000 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 791 ล้านบาท อีกทั้ง Net Short TFEX SET50 7,296 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,290 – 1,315 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment เชิงบวกความคาดหวังศบค.จะผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เฟส 3 หลังยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ของไทยทรงตัว  อย่างไรก็ตามความกังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีนประเด็นที่จีนจะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงนั้นอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงยุติ Tradewar เฟส 1 ได้ อีกทั้งความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไวรัส Covid-19 หลังจีนระงับการกำหนดเป้าหมาย GDP ประจำปีนี้ นอกจากนี้ Valuation SET ที่ตึงตัวจะเป็นอีกปัจจัยที่กดดันต่อทิศทางตลาดในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS, EPG)
  • MAJOR SPA AU ได้ sentiment บวกหากศบค.ผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 วันที่ 1 มิ.ย.
  • กลุ่มหุ้นที่ได้เข้าคำนวณ MSCI Thailand Index รอบใหม่ AWC, BAM, KTC มีผล 29 พ.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้

  • DTAC (ปิด 41.5 ซื้อ/เป้า 64) มี Sentiment บวกจากข่าว กสทช.เตรียมพิจารณาขยายเวลาจ่ายค่าธรรมเนียมประจำปี คาดช่วยลดค่าใช้จ่ายปีนี้ประมาณ 920 ล้านบาทคิดเป็น16% ของคาดการณ์กำไร DTAC ในปีนี้, DTAC ยังโดดเด่นด้านเงินปันผลปีนี้คาดจ่ายปันผล 2.5 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 6%
  • GPSC (ปิด 77.25 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 95): ปลอดภัยจาก Trade war อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ผลกำไรคาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดดเนื่องจากในปีนี้ GPSC จะรับรู้ทั้งรายได้ และกำไร จากการรวมงบกับ GLOW เข้ามาเต็มปี

บทวิเคราะห์วันนี้

LPN (ปิด 5.05 ซื้อ/เป้า 4.1), ICT sector (Top pick: DTAC และ INTUCH)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) Trade war จีนกับสหรัฐยังตึงเครียดและจะยังเป็นปัจจัยลบกดดันบรรยากาศการลงทุน: Trade war จีนกับสหรัฐ จะยังกดดันตลาด กรณีเลวร้ายสุดสหรัฐอาจประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากครบเวลา 2 สัปดาห์ตามที่ ทรัมป์ สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าจีนปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้าออกมาตรการกดดันจีนในหลายด้าน อาทิ วุฒิสภาผ่านร่างกฏหมายถอดถอนบริษัทจดทะเบียนจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ และ ล่าสุดประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันต่างๆของจีนอีก 33 แห่ง เพื่อลงโทษที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวมุสลิม อุยกูร์ นอกจากนี้เรายังต้องติดตามท่าทีของจีน โดยเฉพาะการออกกฏหมายความมั่นคงเพื่อควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันจีนอยู่ระหว่างจัดประชุมสภาสามัญชนฯ (22-28 พ.ค.) เพื่อพิจารณากฏหมายดังกล่าว หากจีนยังเดินหน้าเห็นชอบต่อร่างกฏหมายดังกล่าวจะยิ่งจุดอุณหภูมิระหว่างจีนกับสหรัฐให้ร้อนแรงขึ้น (สหรัฐจะกดดันจีนมากขึ้น, การประท้วงในฮ่องกงจะกลับมารุนแรง) แต่หากที่ประชุมมีมติเลื่อนหรือชะลอกฏหมายออกไปบรรยากาศทางบวกจะฟื้นกลับมา
  • (+) กลุ่ม ICT & TV digital - กสทช.เตรียมพิจารณาขยายเวลาเลื่อนจ่ายค่าธรรมเนียรายปี เพื่อช่วยลดผลกระทบจากไวรัส Covid-19: กสทช.จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมรายปีของใบอนุญาติให้กับผู้ประกอบการในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่ม TV digital เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เบื้องต้นนักวิเคราะห์กลุ่ม ICT ของเราประเมินว่าปัจจุบันกลุ่มสื่อสารจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวประมาณ 1.5% ของรายได้จากการบริการ หรือประมาณ 2 พันล้านบาทสำหรับ ADVANC, 1.7 พันล้านบาทสำหรับ TRUE และ 920 ล้านบาทสำหรับ DTAC ซึ่งคิดเป็น 7% บนคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ของ ADVANC และ 16% สำหรับ DTAC ขณะที่ TRUE มีโอกาสพลิกมีกำไรจากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุน นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำเก็งกำไร TRUE สวนการลงทุนที่เน้นปันผลและ Conservative เรายังแนะนำ DTAC และ INTUCH
  • (+) สัปดาห์นี้ลุ้น ศบค. ปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจระยะที่ 3 คาดโรงหนัง, สปา และ ศูนย์แสดงสินค้า มีโอกาสได้ปลดล็อก: คณะกรรมการเฉพาะกิจจะมีการประชุมปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจเฟส 3 ในวันที่ 27 พ.ค. และจะเสนอให้ ศบค.ตัดสินในวันที่ 29 พ.ค.มีการคาดหมายกันว่า ธุรกิจ และ กิจกรรมเศรษฐกิจ ที่จะได้รับการปลดล็อกในระยะที่ 3 คือกลุ่มสินค้าในภาคบริการ อาทิ กลุ่มธุรกิจร้านนวด และร้านสปา (SPA) รวมถึงกลุ่มโรงหนัง(MAJOR) และ ศูนย์แสดงสินค้า (IMPACT) หากได้รับการปลดล็อกจริงจะเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนกับหุ้นที่เกี่ยวข้องส่วนผลกำไรคาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัว (MAJOR) ยังไม่มีหนังเข้าฉายเนื่องจากเจ้าของหนังส่วนใหญ่เลื่อนการเปิดฉายไปเป็นปีหน้า ขณะที่ SPA ลูกค้าหลักเป็นชาวจีนซึ่งปัจจุบันไทยยังไม่อนุญาติให้เที่ยวบินจากต่างชาติบินเข้าไทยได้ ดังนั้นการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจน่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจที่ได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 1 และ 2 มากกว่า อาทิ รถไฟฟ้า BTS BEM ห้างสรรพสินค้า CPN CRC HMPRO DOHOME COM7 เพราะมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเพิ่มมากขึ้น พนักงานที่อนุญาติให้ Work from home น่าจะทยอยกลับมาทำงานในออฟฟิศตามปกติตั้งแต่เดือนหน้า