กองปราบเร่งไขข้อสงสัย 'แม่ปุ๊กอมยิ้มอิ่มบุญ' ปมเงินบริจาค 20 ล้าน ยักย้ายให้ใคร

กองปราบเร่งไขข้อสงสัย 'แม่ปุ๊กอมยิ้มอิ่มบุญ' ปมเงินบริจาค 20 ล้าน ยักย้ายให้ใคร

ตำรวจกองปราบ เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี "แม่ปุ๊ก" ผู้ต้องสงสัยให้ลูกสองคน กินสารพิษ เพื่อให้มีอาการป่วย และขอรับเงินบริจาค คลี่ปมเงินบริจาค 20 ล้าน ยักย้ายให้ใคร

กรณี น.ส.นิษฐา (สงวนนามสกุล) หรือ แม่ปุ๊ก ผู้ที่ต้องเป็นผู้ต้องสงสัยว่าวางยา ด.ช. วัย 4 ขวบ ลูกบุญธรรม และ ด.ญ. วัย 2 ขวบ ลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊ก เพื่อรับขอเงินบริจาคและขายสินค้าเกินราคาต่าง ๆ ซึ่งต่อมาทางตำรวจกองปราบได้จับกุมตัวแม่ปุ๊กในข้อหา "ฉ้อโกงประชาชน" และแจ้ง แจ้งข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย" เพิ่มเติม

ความคืบหน้าวันนี้ ที่กองปราบปราม พันตำรวจเอก ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองปราบปราม ได้เรียกคณะทำงานในคดีนี้มาร่วมประชุมวางแนวทางในการสืบสวนและสอบสวน โดยขณะนี้ได้ส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี เช่น ภาชนะ อุปกรณ์ต้องสงสัยต่าง ๆ ที่เก็บได้ในบ้านของแม่ปุ๊กไปตรวจสอบหาสารที่คาดว่ามีความเชื่อมโยง พร้อมรอผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าน้องอิ่มบุญนั้นเป็นลูกที่แท้จริงของแม่ปุ๊กตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้นก็ยังคงดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาว่ายอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน นั้น ถูกยักย้ายโอนไปให้ใครบ้าง

ข้อสงสัยที่ว่าเงินบริจาคจำนวนมากขนาดนั้นทำไมการใช้ชีวิตและที่อยู่อาศัยของแม่ปุ๊กขัดแย้งกับเงินเหล่านั้น หรือว่าเงินบริจาคนั้นถูกแบ่งไปให้ใครหรือไม่

ส่วนการสอบปากคำแม่เอม แม่แท้ ๆ ของน้องอมยิ้มที่เสียชีวตไปก่อนหน้า นั้น ก็ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกือบครบแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อพิรุธกับกับให้การของแต่ล่ะคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ทั้งนี้แม่เอม ได้หายออกไปจากบ้านพัก นั้น ทางตำรวจยืนยันว่ายังสามารถติดต่อได้ ซึ่งคาดว่าที่หายไปจากย้านพักเนื่องจากมีผู้สื่อข่าวบางสำนักไปก่อกวนบริเวณหน้าบ้านจึงทำให้เกิดความเครียด

ในคดีนี้ ดีเอ็นเอของน้อง อ จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไขปมข้อสงสัยหลายอย่าง เนื่องจากหากน้องอิ่มบุญไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊กคดีนี้ จะมีน้ำหนักมากและมูลเหตุแรงจูงใจให้ก่อเหตุ รวมไปถึงการทำเป็นขบวนการค้ามนุษย์

อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่า ใครเป็นผู้เอาสารพิษเข้าสู่ร่างกายเด็กทั้ง 2 คน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะใช้หลักฐานในหลายส่วนมาประกอบการพิจารณาคดี เช่น คำให้การ เส้นทางการเงิน ผลดีเอ็นเอจากหลักฐานที่เก็บได้ในบ้านที่เกิดเหตุ