เปิดศึกซักฟอก 'ธุรกิจกองทัพ'

เปิดศึกซักฟอก 'ธุรกิจกองทัพ'

ยุทธศาสตร์ "คณะก้าวหน้า" หาความจริง-ชิงพื้นที่-ขยายแผลรัฐบาล "ธนาธร" เปิดเกมนอกสภาฯ ชนทหาร คู่ขนาน "ก้าวไกล" ดันแก้รัฐธรรมนูญ

การเมืองไทยกำลังจะเข้าสู่สถานการณ์ที่เรียกว่ามุ่งหน้าสู่สภาเต็มตัว เพราะประเดิมการเปิดสมัยประชุมสภาด้วยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 5 รวดระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.63 เพื่อพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ที่รัฐบาลเพิ่งออกมาจำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย

1.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563

2.พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563

3.พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563

4.พ.ร.ก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563

อย่างไรก็ตาม การเปิดสมัยประชุมสภาสปอตไลต์ไม่ได้อยู่ที่สภาฯ เท่านั้น แต่ยังฉายแสงมาถึง คณะก้าวหน้า ด้วย ซึ่งนำโดยหนึ่งสุภาพสตรีและสองสุภาพบุรุษ ได้แก่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และ พรรณิการ์ วานิช

ยุทธศาสตร์สำคัญ ที่คณะก้าวหน้าจะยังใช้ต่อเนื่อง คือ การแย่งชิงพื้นที่ความคิดและจะเป็นยุทธศาสตร์ที่จะใช้ต่อเนื่องไปตลอดสมัยประชุมสภาฯ นี้ เรียกได้ว่าเป็นการเมืองคู่ขนานกับพรรคก้าวไกล 

โดยก่อนหน้านี้ คณะก้าวหน้าได้ช่วงพื้นที่ทางความคิดไปแล้ว คือ "การตามหาความจริง” โดยอาศัยจังหวะและเวลาที่เดือน พ.ค.ที่มีปฏิทินครบรอบเหตุการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการสลายการชุมนุมปี 2553 ด้วยจัดกิจกรรมยิงเลเซอร์ข้อความ “ตามหาความจริง” ไปยังสถานที่สำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสที่พูดถึงในสื่อสังคมออนไลน์

 

คณะก้าวหน้าไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะยังคงช่วงพื้นที่ความคิดในเรื่องการ "ปฏิรูปกองทัพ" อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประจวบเหมาะสมกับช่วงเวลาที่ครบ 90 วันของการปฏิรูปกองทัพตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศไว้ นับตั้งแต่เหตุการณ์กราดยิงโคราช

ธนาธรขยี้ประเด็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่งออกมาเฟซบุ๊คไลฟ์ เพื่อเรียกร้องให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพออกมาตอบคำถาม ในเรื่องผลประโยชน์ทางพาณิชย์ที่มีอยู่ในกองทัพ ทั้งกรณี สนามมวยลุมพินี โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟสวนสนประดิพัทธ์ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยเฉพาะในกรณีของสนามกอล์ฟนั้น ธนาธรถึงขั้นไปใช้บริการด้วยตัวเอง พร้อมกับนำหลักฐานที่เป็นใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีอย่างย่อมาแสดงให้เห็นสาธารณะได้เห็นว่า กองทัพยังไม่มีการโอนให้เอกชนที่เป็นมืออาชีพมาบริหาร 

ภายหลังตรวจสอบหมายเลขผู้เสียภาษี พบว่ายังเป็นของกองทัพบกอยู่ ทั้งที่ตามข่าวเมื่อ 15 ก.พ. 2563 ระบุว่า จะให้โรงแรมดุสิตธานี เข้าบริหารภายใน 1 เม.ย.2563

การดำเนินการของคณะก้าวหน้าที่ผ่านมา เข้าเป้าและเก็บแต้ม เรียกคะแนนจากสังคมได้พอสมควร 

โดยนับจากนี้ไป จะเดินหน้าเต็มตัวมากขึ้น เริ่มตรวจสอบเรื่อง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ รวมไปถึงหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของคณะก้าวหน้าอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเคลื่อนไหวจะเป็นลักษณะของการเดินร่วมกันไปกับ พรรคก้าวไกลในสภาฯ

กรณีของ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ จะเน้นการแสดงความคิดเห็นเพื่อสร้างกระแสกดดันให้รัฐบาลในฐานะเสียงข้างมากในสภายอมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก. ซึ่งสอดรับกับญัตติที่พรรคก้าวไกล ได้เสนอไปแล้ว

แม้จะดูเหมือนว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้เกิดกระบวนการของการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งเกิดกระแสให้มีการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สุดแล้วรัฐบาลก็ต้องยอมให้สภาตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษารัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากกระแสกดดันมีมากพอบวกกับพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วย เนื่องจากเริ่มไม่พอใจกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาการใช้เงินกู้เช่นกัน

ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเวลานี้อาจเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะสะดุดหยุดลงชั่วคราว เพราะการแพร่ระบาดของโควิด19 แต่เวลาสถานการณ์ได้คลี่คลายลง จึงเริ่มมีการพูดถึงกันว่าการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มี ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ จะกลับมาพิจารณากันอีกครั้ง

ในประเด็นนี้ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ แม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว แต่ยังคงมีสถานะของการเป็น กมธ.วิสามัญอยู่ ซึ่งในคณะนี้ ก็มี ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน

ตามยุทธศาสตร์ของคณะก้าวหน้าประเมินว่า ต่อให้ กมธ.วิสามัญ มีข้อเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มีความเป็นไปได้ยากที่จะเกิดการแก้ไขจริง เพราะติดขัดทั้งท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ และ วุฒิสภา ดังนั้น ได้เตรียมการจัดเวทีเพื่อรณรงค์ให้เกิดกระแสกดดันเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง

ความเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้าอาจเรียกได้ว่าเป็นการเปิดหน้าชนชัดเจน โดยอาศัยเครื่องมือสังคมออนไลน์เป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งได้ผลตอบรับดีตามที่คณะก้าวหน้าคาดหมายเอาไว้

หนึ่งในหัวใจที่ทำให้การทำงานของคณะก้าวหน้าได้ผลสัมฤทธิ์ยิ่งขึ้น คือ การมีพรรคก้าวไกลทำหน้าที่อยู่ในสภาฯ เพราะต่างฝ่ายต่างสามารถขับเคลื่อนประเด็นสาธารณะได้พร้อมๆ กันทั้งในและนอกสภา ซึ่งอาจจะยังไม่เห็นผลในเร็ววันนี้ แต่ทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าต่างมองตรงกันว่า ศึกนี้เปรียบเหมือนการวิ่งมาราธอน ใครจะเป็นฝ่ายชนะวัดกันที่ความอดทน ไม่ใช่ความเร็ว เพราะพรรคอนาคตใหม่เคยพยายามใช้ความเร็วเพื่อต้องการชัยชนะแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การสู้รบกันใหม่

อย่างไรก็ตาม ยิ่งคณะก้าวหน้าเปิดเกมรุกมากขึ้นเท่าไหร ยิ่งถูกตอบโต้มากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันบรรดาแกนนำคณะก้าวหน้าตกเป็นผู้ต้องหาถ้วนหน้า ล่าสุด ‘ปารีณา ไกรคุปต์’ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งได้แจ้งความต่อพนักงานสอบเพื่อให้ดำเนินคดีกับแกนนำคณะก้าวหน้าทั้งสามคน ในข้อหากระทำความผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ กรณีออกมาให้ร้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่าสืบทอดอำนาจ

หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ ที่ ‘ธนาธร’ ถูกฟ้องในข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา 116 จากกรณีไปร่วมเวทีของฝ่ายค้านที่จังหวัดปัตตานี หรือคดีที่ กกต.เอาผิดทางอาญาตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด

เช่นเดียวกับ กรณีของการจัดแฟลชม็อบ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอีกกรณีที่เป็นคดีความอยู่ในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน ซึ่งคดีนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกับแกนนำคณะก้าวหน้าทั้งสามคนด้วย

นับเป็นคดีที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า ที่สุดแล้วผลของคดีจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะไม่ว่าจะออกมาหน้าไหน ย่อมมีผลต่อการเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้า ทั้งในแง่ดี และแง่ร้ายอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น ตลอดสมัยประชุมนี้อีก 120 วันจึงไม่เป็นเพียงแต่ระยะเวลาการทำงานของสภาฯ เท่านั้น แต่ยังหมายความรวมไปถึง ทิศทางของการเมืองไทยจะเดินสู่ลงถนนหรือไม่ด้วย โดยมีคณะก้าวหน้าเป็นผู้ให้คำตอบ