Forest for Life I Green Pulse

Forest for Life I Green Pulse

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ซึ่งพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยแนวคิดสร้างเมืองคู่ป่า The Forestias by MQDC ได้เปิดโครงการ ‘Forest for Life’ เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด

โดยจะมีโครงการนำร่องแห่งแรกขึ้นที่วัดทุ่งเหียง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการของบริษัท กล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่กระจายผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับความลำบากมากขึ้น รวมถึงมีผู้ตกงาน หรือผู้ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจมากมาย จึงเกิดไอเดียที่จะเข้าช่วยเหลือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับชุมชนโดยใช้การสร้างป่าเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการช่วยเหลือตามแนวคิดของบริษัท

โครงการ ‘Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต’ จะซื้อกล้าไม้จากศูนย์เพาะกล้าไม้เพื่อจำหน่ายของชาวบ้านประมาณ 500 ครัวเรือน รวมงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท แล้วนำไปให้ครอบครัวเป้าหมายช่วยดูแลกล้าไม้ต่ออีก 3 เดือน จำนวน 1,000 ครัวเรือน โดยตั้งงบประมาณให้ครอบครัวละ 15,000 บาท หรืออีกราว 15 ล้านบาท

เมื่อครบเวลาที่กำหนด ต้นไม้ที่ชุมชนช่วยดูแลรวมจำนวน 1.2 ล้านต้น บางส่วนจะมอบให้กรุงเทพมหานคร สำหรับสร้างเสริมพื้นที่สีเขียวหรือนำไปร่วมโครงการแจกกล้าไม้คนเมือง และบางส่วนจะนำมาใช้กับ The Forestias หรือมอบให้กับประชาชนทั่วไป

"ในช่วงที่ชุมชนมีผู้ว่างงานจากสภาวะวิกฤตโควิดในครั้งนี้ ทางโครงการจึงขอมีส่วนช่วยในการให้ทุนเพื่อการดำเนินชีวิตเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว ผ่านการให้ชาวชุมชนช่วยดูแลกล้าไม้ เราเชื่อมั่นว่า เราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายความคิดเรื่องการสร้างพื้นที่สีเขียว และความผูกพันระหว่างคนกับต้นไม้ และสร้างความแข็งแกร่งและความผูกพันให้ชุมชน” นายคีรินทร์กล่าว

159029681349

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ทางกรมป่าไม้ได้ร่วมให้การสนับสนุนโครงการนี้ เพราะมีวัตถุประสงค์ที่ตรงกับแนวทางของกรมป่าไม้โดยเฉพาะเรื่องของการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และพื้นที่ป่าไม้

ในความร่วมมือนั้น ทางกรมป่าไม้ได้แนะนำชุมชนที่มีอาชีพเพาะกล้าไม้เพื่อจำหน่ายให้ โดยทางโครงการฯ จะซื้อกล้าไม้โดยตรงจากชุมชนเหล่านั้น นอกจากนี้ ทางกรมป่าไม้ได้ให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลกล้าไม้มาช่วยแนะนำวิธีการดูแล นายอรรถพลกล่าว

ในปัจจุบันการเพาะกล้าไม้ได้กลายเป็นหนึ่งอาชีพที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงกล้าไม้สร้างรายได้ จากการที่ผู้ที่ปลูกไม้มีค่าในพื้นที่ของตนเองสามารถปลูกและตัดขายได้ภายใต้ พรบ. ป่าไม้ ปี 2562 ทำให้กล้าไม้โดยเฉพาะไม้มีค่าพวก ไม้สัก ไม้ยาง ไม้พะยูง ได้รับความนิยมมากขึ้น

“ทางกรมป่าไม้เล็งเห็นว่าการส่งเสริมให้ครอบครัวในชุมชนได้นำกล้าไม้ไปดูแลระยะหนึ่ง จะสร้างความผูกพันระหว่างคนกับต้นไม้ได้ และอาจจะถึงขั้นที่ชุมชนนั้นๆ อาจจะเป็นช่องทางในการนำไปทำเป็นอาชีพเพาะและเลี้ยงดูกล้าไม้ต่อไป จะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศเรา ตามเจตนารมณ์และภารกิจของกรมป่าไม้” นายอรรถพลกล่าว

พระครูศรวิชัย มหาวีโร รองเจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง ตัวแทนชุมชนวัดทุ่งเหียง กล่าวว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านปากท้องของชุมชนในเบื้องต้น และชุมชนก็ได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการดูแลกล้าไม้จากทางกรมป่าไม้ ในอนาคตหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นชุมชนก็จะได้มีความรู้ความชำนาญในอาชีพจนอาจจะยึดเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว ป้องกันปัญหาด้านการขาดรายได้ในอนาคต คาดหวังว่าสมาชิกชุมชนวัดทุ่งเหียงจะมีรายได้มากพอที่จะดูแลตนเอง และ คนในครอบครัวได้ในที่สุด พระครูฯ กล่าว

159029685534