ล็อคดาวน์ 'ภารกิจ 2475'

 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตลอดเดือน มิถุนายน ที่กำลังจะครบรอบ 88 ปี “การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475”

ประเมินกันว่า ตราบใดที่ยังไม่มี “ม็อบ” ก็ไร้ซึ่งแรงกดดัน ที่จะทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในห้วงที่ต้องเผชิญกับผลพวงการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ 

ดังนั้น คงไม่มีทางเลือกใด จะดีไปกว่าการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อประคองสถานการณ์ตลอดเดือนมิถุนายน

การประชุมส่วนราชการเพื่อประเมินความเหมาะสม ในการขยายเวลาประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เป็นประธาน เปรียบเหมือน “ครม.น้อย” ของรัฐบาล ที่ได้รวบรวมหน่วยข่าวสำคัญ 

ทั้ง สำนักข่าวกรองแห่งชาติ หน่วยข่าวเหล่าทัพ ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.)ตำรวจ สันติบาล เข้ามา บรีฟข้อมูลด้านความมั่นคง ที่กระทบต่อมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข

แม้รัฐบาลจะนั่งยัน นอนยันว่า การหยิบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นำมาซอยต่ออายุ เดือนต่อเดือน เป็นเรื่องการป้องกันโควิด-19 ล้วนๆ เพื่อใช้รองรับการผ่อนคลายมาตรการในเฟสที่ 3 และ เฟสที่ 4 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในที่ประชุม “หน่วยข่าว” ได้แจ้งเตือน ความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง นักกิจกรรม นักวิชาการ ตามไทม์ไลน์การเมืองที่จัดขึ้นทุกปี ในระหว่างเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน

 

การปล่อยให้กลุ่มการเมืองเคลื่อนไหว “ก่อม็อบ” ได้เสรี ย่อมไม่ส่งผลดีต่อรัฐบาล เพราะถ่านไฟเก่า “แฟลชม็อบ” ก็ยังกรุ่นๆ รอวันปะทุได้ทุกเมื่อหากได้เชื้อเพลิงที่ดี

 ซึ่งจะไปซ้ำเติมสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจให้ยิ่งทรุดหนักลงอีก นั่นหมายความว่า เก้าอี้นายกฯ ‘บิ๊กตู่’ มีโอกาสถูกเขย่าอย่างแน่นอน

การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเดือนพฤษภาคม ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่เพียงแต่จะสกัดโควิด-19 ไม่ให้แพร่กระจาย แต่ยังสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง และมวลชนได้อยู่หมัด 

ทั้งการยิงเลเซอร์ข้อความ ของ “คณะก้าวหน้า” ที่จุดยังไง ก็ยังไม่ติด การจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2535 และ ปี 2553 หรือแม้แต่วันครบรอบ 6 ปีรัฐประหาร ที่ทำได้เพียงการแสดงสัญลักษณ์ ในห้วงเวลาสั้นๆ แต่ไม่เปิดโอกาสให้มีการมั่วสุม หรือเปิดไฮปาร์คปลุกเร้าประชาชน

 เดือนมิถุนายนก็เป็นอีกเดือน ที่จะมีการเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก และส่งนัยทางการเมืองสำคัญ “เหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475” วันครบรอบ 88 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย 

ที่จะมาในรูปแบบ การจัดเสวนาในรั้วมหาวิทยาลัย หรือแสดงสัญลักษณ์บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของแต่ละจังหวัด

เพราะเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปีที่แล้ว สองแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตหัวหน้าและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นแกนนำ “คณะก้าวหน้า” เคยประกาศเอาไว้ล่วงหน้า ณ ห้องประชุมวิทยาลัยปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น...

จะสานต่อ “ภารกิจ 2475” ที่ยังไม่แล้วเสร็จของ “คณะราษฎร” 

ปฏิบัติการของรัฐบาล จึงจำเป็นต้อง “ล็อกดาวน์” จนกว่าสถานการณ์ การเมืองจะปลอดภัย !