ศบค. ยันไม่มีการเรียกเก็บค่าหัวคิวโรงแรม State Quarantine

ศบค. ยันไม่มีการเรียกเก็บค่าหัวคิวโรงแรม State Quarantine

สธ.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,040 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม บราซิล-อินเดีย ทำสถิติเสียชีวิต-ผู้ป่วยใหม่สูงสุดใน 24 ชม. ด้าน ศบค.ยันไม่มีหน่วยงานรัฐเรียกหัวคิวโรงแรม State Quarantine ใครเจอแจ้งความจับได้ทันที

วันนี้ (23 พฤษภาคม 2563) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมยอดสะสม 3,040 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ เสียชีวิตรวม 56 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 6 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 68 ราย ผู้ป่วยยืนยันจำแนกตามพื้นที่รักษา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ นนทบุรี 1,708 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 396 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย และ ภาคใต้ 730 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ วันที่ 23 พฤษภาคม จำนวน 3 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวัง 1 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine 2 ราย ได้แก่ รายที่ 1 เป็นชายสัญชาติอิตาลี อายุ 49 ปี อาศัยที่จังหวัดภูเก็ต และเข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 22 พฤษภาคม โดยผู้ป่วยไม่มีอาการ

รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 24 ปี อาชีพนักศึกษา เดินทางกลับจากประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม และเข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดชลบุรี และวันที 9 พฤษภาคม มีอาการไข้ ไอ และท้องเสีย พร้อมเข้ารับการตรวจหาเชื้อ แต่ไม่พบเชื้อ และตรวจหาเชื้อใหม่ครั้งที่ 2 พบเชื้อในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563    

รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 43 ปี อาชีพนักงานสปา เดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม และเข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี วันที่ 9 พฤษภาคม มีอาการไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และไม่ได้กลิ่น พร้อมเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ยืนยันผลวันที่ 21 พฤษภาคม 2563

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในสถานกักกันโรคของรัฐที่ส่วนกลางและจังหวัด (State and Local Quarantine) ตั้งแต่กุมภาพันธ์ – 23 พฤษภาคม 2563 มีผู้เข้ากักกันโรคทั้งหมด 24,211 คน พบผู้ป่วยในสถานกักกันโรค ฯ จำนวน 104 ราย คิดเป็นอัตราผู้ป่วย 0.43% เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง สัดส่วน 7 : 1 ได้แก่ ชาย 91 คน หญิง 13 คน อายุเฉลี่ย 37 ปี ต่ำสุด 15 ปี สุงสุด 77 ปี สัญชาติไทย 97%  อเมริกา 1 % และอังกฤษ 1%

ทั้งนี้ อัตราการป่วยตามประเทศต้นทางมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย คนไทยกลับมาสะสม 137 คน พบติดเชื้อ 65 ราย อัตราการป่วยตามประเทศต้นทางคิดเป็นสัดส่วน 47.45 รองลงมา คือ ปากีสถาน คนไทยกลับมาสะสม 122 คน ติดเชื้อ 10 ราย อัตราการป่วยตามประเทศต้นทางคิดเป็นสัดส่วน 8.20 และ คาซัคสถาน คนไทยกลับมาสะสม 55 คน ติดเชื้อ 2 ราย อัตราการป่วยตามประเทศต้นทางคิดเป็นสัดส่วน 3.64

สถานการณ์ทั่วโลก 208 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ มีผู้ติดเชื้อรวม 5,303,992 ราย อาการหนัก 44,584 ราย รักษาหาย 2,157,968 ราย เสียชีวิต 340,003 ราย โดย 10 อันดับ ผู้ป่วยสูงที่สุด อันดับที่ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา 1,645,094 ราย ถัดมา ได้แก่ บราซิล 332,382 ราย รัสเซีย 326,448 ราย สเปน 281,904 ราย และ อังกฤษ 254,197 ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 73

  • บราซิล เสียชีวิตสะสม 2 หมื่นราย

สำหรับ ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุว่า กระทรวงศึกสาธารณสุขของบราซิลแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี รายงานสถานการณ์รายวันในประเทศเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ว่า มีการยืนยันผู้เสียชีวิตอีก 1,188 ราย เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ และทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมในประเทศเพิ่มเป็นอย่างน้อย 20,082 ราย โดยวิกฤตครั้งนี้ ผู้ว่ารัฐส่วนใหญ่ยืนยันว่า ประชาชนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิต “ปกติแบบดั้งเดิม” ได้อีก เพราะต้องมีการเว้นระยะทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงติดโรค และการเพิ่มแนวทาง ปฏิบัติให้กับกิจการทุกประเภท

  • อินเดีย ทำลายสถิติผู้ป่วยใหม่ 6,088 ราย

ขณะที่ ประเทศอินเดีย กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย ออกแถลงการณ์เป็นรายงานสถานการณ์ราวันของโรคโควิด-19 ในประเทศว่า มีผู้ป่วยยืนยันในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 6,088 ราย ถือเป็นสถิติรายวันสูงที่สุดครั้งใหม่ และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 118,447 ราย มากเป็นอันดับ 11 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของทวีปเอเชีย รองจากอิหร่าน แต่มีผู้ได้รับการรักษาหายแล้ว 48,533 ราย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนเนทรา โมดี ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา และต่อวเลาเป็นระยะ โดยหากไม่มีการต่อเวลาอีก กำหนดการปัจจุบันจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม นี้       

  • ศบค.ยันไม่มีการเรียกรับเงินโรงแรม

ด้าน นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวเสริมว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ที่ไม่ทราบว่ามาจากส่วนงานใด ได้เข้าไปเรียกรับเงินกับโรงแรม เพื่อให้ใช้เป็นสถานที่กักตัวคนไทยจากต่างแดน หรือ State Quarantine ในเรื่องนี้ ศบค. เรายืนยันว่าไม่เคยมีหน่วยงานที่ออกไปทำหน้าที่เหล่านี้ในการเก็บค่าส่วนต่าง สำหรับโรงแรมที่เข้ามาร่วมเป็น State Quarantine ขอขอบพระคุณที่เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลพี่น้องชาวไทย ขอเน้นย้ำว่า จะไม่มีการเอาเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น หากหน่วยงานหรือโรงแรมใดที่รับทราบพฤติกรรมดังกล่าว สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที

“ทั้งนี้ จากที่มีการประกาศ ต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้าใจและรู้ถึงสถานการณ์ที่ต้องต่อออกไป ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด มากกว่ากฎหมาย ที่จะทำให้เกิดการยับยั้งควบคุมโรค” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว