'กำไรบจ.' โค้งแรกทรุด 60% ราคาน้ำมันฉุด 'กลุ่มพลังงาน'

'กำไรบจ.' โค้งแรกทรุด 60% ราคาน้ำมันฉุด 'กลุ่มพลังงาน'

“ตลท.” เผยบจ.ทำกำไรไตรมาสแรกปีนี้ 98,524 ล้าน ลดลง 60.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีฉุด หลังราคาน้ำมันดิบร่วง ด้านดัชนีหุ้นไทยร่วง 16.72 จุด กังวลเทรดวอร์ปะทุ

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีกำไรสุทธิ 98,524 ล้านบาท ลดลง 60.5%  ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อ เกิดปัญหาอุปทานน้ำมันล้นตลาดและเกิดสงครามราคาน้ำมันจากกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ทำให้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก 

ขณะที่เศรษฐกิจไทยซบเซา ทำให้การจัดการยอดขายและต้นทุนการตลาดทำได้ยาก  ด้านบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีกำไรสุทธิ 717 ล้านบาท ลดลง 58.58% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22 พ.ค.)ปรับตัวลดลง 16.72 จุด หรือ 1.27% อยู่ที่ 1,303.97 จุด มูลค่าซื้อขาย 64,469.56 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,999.74 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,991.13 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 291.78 ล้านบาท และ นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 5,282.65 ล้านบาท

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค ยุโรปและอเมริกา เนื่องจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ปะทุขึ้น หลังมีข่าวสหรัฐจะเพิกถอนหุ้นจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ และก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสหรัฐจะมีการทบทวนเรื่องการเก็บภาษีจากจีนใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งครบกำหนดในสัปดาห์นี้ ขณะที่ชาวฮ่องกงจะกลับมาประท้วงอีกครั้ง

รวมถึงความกังวลปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นทะลุ 1 แสนคนภายในวันเดียว (21 พ.ค.2563) ทำให้ประเทศต่างๆ ยังคงต้องระมัดระวังในการผ่อนคลายล็อกดาวน์ นอกจากนี้ หุ้นไทยถือว่าเต็มมูลค่าแล้ว หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 1,300 จุด โดยมีค่า P/E ที่ 20 เท่า ส่วน P/E ปีหน้าอยู่ที่ 16.5 เท่า

สำหรับแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดว่าจะยังคงปรับฐานต่อ โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,270 และ 1,280 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,320 และ 1,333 จุด เนื่่องจากขาดปัจจัยบวกหนุน และยังคงกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน