โล่งอก!! เปิดผลสอบสวนโรคผู้ป่วยโควิด 2 รายล่าสุด

โล่งอก!! เปิดผลสอบสวนโรคผู้ป่วยโควิด 2 รายล่าสุด

โล่ง! สธ.เผยผลสอบสวนโรคผู้ติดโควิด 2 รายล่าสุด พบคนเสี่ยงสูง2-3 ราย ไร้คนใช้บริการร้านตัดผมร่วมเวลา เฝ้าระวังพนักงานกลุ่มเสี่ยงต่ำ 8คน เหตุทุกคนใส่หน้ากากตลอดเวลา ส่วนภรรยา-ลูกชายชาวเยอรมันตรวจไม่พบเชื้อ เร่งค้นหาเชิงรุกชัยภูมิ

       เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลการสอบสวนโรคผู้ติดโควิด-19ในประเทศไทย 2 รายล่าสุดว่า ผู้ป่วยรายแรกที่เป็นชายไทย อายุ 72 ปี ซึ่งมีประวัติไปตรวจโรคประจำตัวที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และไปร้านตัดผมย่านประชาชื่นนั้น พบว่า ผู้ป่วยมีการระมัดระวังตัวเองดีมากเพราะเป็นผู้ป่วยโรคที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจึงใส่หน้ากากเป็นประจำ ซึ่งทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่ร้านตัดผม ได้รับรายงานว่าไม่มีลูกค้ารายอื่นที่ใช้บริการในเวลาเดียวกับผู้ป่วย แต่มีในส่วนของพนักงานร้านอยู่ในเวลาดังกล่าว 8 รายแต่ทุกคนใส่หน้ากากตลอดเวลา จึงถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ
        ทั้งนี้ ร้านดังกล่าวให้ความร่วมมือด้วยการปิดร้านชั่วคราวและให้พนักงานทุกคนหยุดเฝ้าระวังอาการตนเอง นอกจากนี้ มีผู้สัมผัสที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแล แต่มีการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเช่นกัน จึงไม่ได้มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ในกรณีผู้ป่วยรายนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเฉพาะคนในครอบครัวเ2-3 คนเท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้เนื่องจากผู้ป่วยมีประวัติไปโรงพยาบาลจึงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะรับเชื้อจากโรงพยาบาล ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม
         ส่วนกรณีชายชาวเยอรมัน อายุ 42 ปี เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 และมีประวัติไปเยี่ยมบ้านแม่ยายที่จ.ชัยภูมิ เมื่อกลับมากรุงเทพฯด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไม่มีอาการใดๆ แต่ตรวจเจอโควิด-19 จากการต้องตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน และจากการตรวจเชื้อจากภรรยาและลูกไม่พบเชื้อ เพราะฉะนั้น คนที่ถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่สุดคือคนในครอบครัวไม่ติดเชื้อ บุคคลอื่นที่ถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำโอกาสที่จะติดเชื้อยิ่งต่ำด้วย 

         อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนโรคในพื้นที่จ.ชัยภูมิจะมีการสอบสวนโรคเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและติดตามผู้สัมผัสมาตรวจหาเชื้อ นอกจากนี้ จะมีการดำเนินการค้นหาเชิงรุกในชุมชนบ้านแม่ยายของผู้ป่วยรายนี้ด้วย เนื่องจากจ.ชัยภูมิเคยมีรายงานผู้ป่วย 3 รายในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ติดเชื้อหลงเหลืออยู่ในชุมชน
         นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า จากการที่คนไทยให้ความร่วมมือในการป้องกันโรคโควิด-19เป็นอย่างดี ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่มีการติดต่อทางละอองฝอย ผ่านน้ำมูลก น้ำลายเช่นเดียวกับโรคโควิด-19ลดต่ำลงด้วย โดยโรคไข้หวัดใหญ่ ในเดือนมกราคม จำนวน 52,272 ราย ยังมากกว่าเดือนเดียวกันของปี 2562 เดือนกุมภาพันธ์ 33,095 ราย มีนาคม 12,567 ราย เมษายน 1,952 รายและพฤษภาคม 411 ราย ซึ่งภาพรวมลดลงกว่าปี 2562 โดยเหลือผู้ป่วยเพียง 1 ใน 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน
       “หากประชาชนยังมาตรการในการป้องกันโรคโควิด-19ไว้อย่างเหนียวแน่นทั้งการใส่หน้ากากอนามัยที่พบว่าขณะนี้เริ่มลดลงเหลือเพียง 69.9 % ต่ำกว่าในช่วงเดือนเมษายนที่มีการใส่มากถึง 90 % การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและการล้างมือบ่อยๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การแพร่เชื้อโควิด-19น้อยลงแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคทางเดินหายใจอื่นๆด้วย”นพ.โสภณกล่าว