ชะลอความแรง

ชะลอความแรง

Valuation SET ที่ค่อนข้างตึงตัวจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางตลาดในช่วงนี้

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้อ่อนตัวลงปิดที่ 1,320 จุด (-1.51 จุด) หรือ -0.11% ด้วย Volume ซื้อขาย 7 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าดัชนีจะเปิดกระโดดในช่วงแรกตอบรับข่าวกนง.ลดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือ 0.5% รวมถึงแรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามด้วย Valuation ของ SET ที่ค่อนข้างตึงตัวทำให้การปรับขึ้นของดัชนีเป็นไปอย่างจำกัด ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,350 ล้านบาท  , ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 231 ล้านบาท และ Net Short TFEX SET50  896 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,310 – 1,330 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นยืนเหนือ 33 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5 ล้านบาร์เรล รวมถึงกนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตามการที่วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาดนั้นสร้างความกังวลการเกิด Tradewar สหรัฐและจีนรอบใหม่ ประกอบกับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 2.44 ล้านรายบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา อีกทั้ง Valuation SET ที่ค่อนข้างตึงตัวจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางตลาดในช่วงนี้

** วันนี้ติดตามกระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการ ส่งออก/นำเข้า เดือน เม.ย.ของไทย

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง
  • กลุ่ม Finance (KTC, SAWAD, MTC, JMT, BAM) ได้ประโยชน์ต้นทุนดอกเบี้ยลดลง
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  ( CKP, TASCO, STA, EPG)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BTS (ปิด 11.9 ซื้อ /เป้า 13.5) จำนวนผู้โดยสารทยอยเพิ่มขึ้นหลังจากที่ภาครัฐผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 และคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเร่งตัวขึ้นอีกในช่วงปีหลังเนื่องจาก BTS จะเปิดเส้นทางเดินรถสายสีเขียวเพิ่มอีก 4 สถานีในช่วงเดือน มิ.ย. (สถานี ม.เกษตร ถึง สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ)
  • RS (ปิด 11.5 ซื้อ/เป้า 14) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลกำไรของ RS ในปีนี้และปีหน้า จากการเดินเกมส์รุกทั้งธุรกิจ TV และ commerce โดยบริษัทวางแผนขายคอนเทนต์ต่างๆ (ละคร) ไปยังต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ ธุรกิจ commerce จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางของพาร์ทเนอร์อาทิ Work point TV, ไทยรัฐ TV และ อัมรินท์ TV และยังเตรียมออก Product ใหม่เพิ่มเติมจาก Skin care และถั่งเช่า

บทวิเคราะห์วันนี้

AOT (ปิด 58.75 ถือ/เป้าใหม่ 56 เดิม 58), CKP (ปิด 4.48 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 4.5), Thailand Strategy (งบกำลังผ่านจุดแย่ที่สุด ระวังตลาดย่อตัว)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) จีน-สหรัฐ ความสัมพันธ์ยังตึงเครียด ล่าสุดวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายเพื่อถอดถอนบริษัทจดทะเบียนต่างชาติออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ (มุ่งเป้าที่บริษัทจีน): วานนี้วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านร่างกฎมาย Holding Foreign Companies Accountable Act  ซึ่งเป็นกฏหมายที่สามารถถอดบริษัทจดทะเบียนของต่างชาติออกจากตลาดหุ้นสหรัฐได้ โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่ากฏหมายนี้มุ่งเป้าไปที่บริษัทจดทะเบียนของประเทศจีนเป็นหลัก เนื่องจากในรายละเอียดระบุว่าบริษัทต่างชาติที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น จะต้องไม่ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยรัฐบาลต่างชาติ ประเด็นนี้ กดดันให้หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐปรับตัวลง อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง, ไป่ตู และหุ้น JD.com นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติตึงเครียดมากขึ้น อาทิ ทรัมป์ ระบุจะตอบโต้จีนอย่างรุนแรงหากจีนประกาศใช้กฏหมายความมั่นคงเพื่อควบคุมผู้ประท้วงในฮ่องกง และ นายนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ โจมตีเม็ดเงินมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ที่จีนอัดฉีดให้ WHO เทียบไม่ได้กับสิ่งที่สูญเสียทั้งชีวิตและเศรษฐกิจของทั้งโลก
  • (+/-) วันนี้จีนประชุมสภาสามัญชนแห่งชาติ ติดตามคาดการณ์กรอบ GDP และท่าทีต่อปัญหา Trade war จีน กับ สหรัฐ: การประชุมสภาสามัญชนแห่งชาติจีน (NPC) หรือ ฉวนกั๋วเหรินต้า  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการประชุมที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากปกติการประชุมดังกล่าวจะมีการประกาศเป้าหมายทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของจีนในแต่ละปี (ปี 2019 จีนกำหนดเป้า GDP ไว้ที่ 6-6.5%) ซึ่งปีนี้นักวิเคราะห์คาดว่าจีนจะยกเลิกการประกาศตัวเลขแบบเฉพาะเจาะจงดังกล่าวออกและจะประกาศออกมาในกรอบที่เป็นภาพรวมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจมากขึ้นคือท่าทีต่อปัญหา Trade war ของจีนกับสหรัฐ โดยเฉพาะแนวทางการตอบโต้หลังจากที่สหรัฐกลับมาเร่งกดดันจีนมากขึ้น
  • (+/-) วันนี้ติดตาม กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขการ ส่งออก/นำเข้า เดือน เม.ย. Consensus คาดหดตัว 4.6%: วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขการส่งออก/นำเข้า เดือน เม.ย. Consensus ส่วนใหญ่คาดว่าการส่งออกและนำเข้าจะพลิกเป็นหดตัว 4.6% และ 14.25% เทียบกับที่ขยายตัว 4.17% และ 7.25% ในเดือน มี.ค. หลักๆเป็นผลจากมาตรการ lockdown การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศต่างๆทำให้ภาคการค้าในประเทศและระหว่างประเทศหยุดชะงักทำให้การส่งออกและนำเข้าหดตัวแรงซึ่งเดือน เม.ย.เป็นเดือนที่ได้รับผลกระทบเต็มตลอดทั้งเดือนจากมาตรการดังกล่าว เราต้องติดตามดูว่าการหดตัวจะรุนแรงมากกว่าที่คาดหรือไม่เพราะตัวเลขส่งออกใช้จับทิศทางหรือบ่งชี้ไปยังตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 2/20 ว่าจะหดตัวแรงตามที่ตลาดคาดหรือไม่