TKN - ซื้อ

TKN - ซื้อ

เริ่มสัญญาณฟื้นตัวของธุรกิจในรอบ 3 ปี

Event

อัพเดตแนวโน้มธุรกิจ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเป้ าหมาย

lmpact

มีสัญญาณการฟื้นตัวธุรกิจ

เราเห็นสัญญาณการพลิกฟื้นของธุรกิจจากการเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในประเทศจีน และการฟื้นตัวของรายได้จากธุรกิจส่งออก หลังผ่านวิกฤติ covid 19 และต้นทุนที่ลดลง ทั้งนี้ การส่งออกไปจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเดือนมกราคม 2563 ก่อนที่จะถูกสะดุดลง ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมจากการปิดประเทศเพื่อคุมการแพร่ระบาดของ covid-19 แต่หลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (lockdown) ลงในเดือนเมษายน รายได้จากธุรกิจในจีนก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะหนุนให้รายได้ของบริษัทเร่งตัวขึ้นใน 2Q63 ทั้งนี้ ธุรกิจส่งออกในไตรมาส 1/63 ลดลง 6% YoY (จีน -15% YoY, นอกประเทศจีน +8%) ในขณะที่ธุรกิจในประเทศไทย -24% YoY

ส่งออกโตไปตามพันธมิตรใหม่ "Orion" ทั้งในจีนและนอกประเทศจีน

การส่งออกไปจีนที่เปลี่ยนไปเป็นทำตัวแทนมืออาชีพเพียงเจ้าเดียวคือ "Orion" (บริษัทอาหารสัญชาติเกาหลี) ซึ่งคุมเครือข่ายขนส่งขนาดใหญ่ครอบคลุม MT 14,000 POS และ TT 140,000 POS ทำให้ TKN ลดปัญหาการบริหารจัดการเอเย่นต์ที่ง่ายขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้ากระจายสินค้าผ่านเครือข่ายของ Orion ให้ได้ถึง 75% ของเครือข่ายภายใน 1H63 และ > 85% ใน 2H63 ความร่วมมือกับ Orion ไม่ได้โตแค่ในประเทศจีน และรวมไปถึงเกาหลี และรัสเซียซึ่ง Orion มีฐานธุรกิจอยู่ด้วย ทั้งนี้ TKN ตั้งเป้าจะวางจำหน่ายในเกาหลีภายในเดือนมิถุนายน 2563 และรัสเซียภายในเดือนสิงหาคม 2563

มุ่งความสำคัญไปที่การลดต้นทุนเพื่อหนุนกำไรโต

TKN ตั้งใจมากที่จะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงให้ได้ในปี 2563 ได้แก่ 1.) ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลงครึ่งหนึ่ง อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างดาราดังจากเกาหลีเป็นพรีเซ็นเตอร์ และการให้สปอนเซอร์จัดคอนเสิร์ตที่สูงถึง >150-200 ล้านบาทต่อปี 2.) รวมสองโรงงานเข้าเป็นหนึ่งตั้งแต่ 4Q63 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 100-120 ล้านบาท/ปี 3.) ต้นทุนสาหร่ายลดลงใน 3Q63 5.) 6.) รุกตลาดสหรัฐโดยใช้บุคคลภายนอกผลิต (outsource) และ ส่งออกสินค้าจากประเทศไทยแทนการผลิตจากรง.สหรัฐ เราคาดว่าต้นทุนการผลิตที่ลดลงจะทำให้ GPM เพิ่มขึ้น 150bps ในปี 2563/64 และสัดส่วน
ค่าใช้จ่ายในการขาย/รายได้ลดลงเหลือ 13%/12% ในปี 2563/2564 (จาก 14.6% ในปี 2562)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563F/2564F ขึ้นอีก 2%/19% และปรับราคาเป้าหมายปีนี้เป็น 11.50 บาท

เราปรับประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนถึง 1.) อัตราการเติบโตของรายได้ที่ 2%/12% (จากเดิมที่ 8%/8%) 2.) สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย/รายได้ที่ลดลงเหลือ 13%/12% (จากเดิมที่ปีละ 15.5%) เรามอง TKN เป็นหุ้นฟื้นตัวดังนั้นจึงประเมินมูลค่าแบบมีพรีเมี่ยมในช่วงต้นโดยกำหนด P/E ที่ 33.5x (เท่ากับ CBG) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2563F ใหม่ที่ 11.50 บาท (จากเดิมที่ 7.5x) และปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ

Risks

SG&A เพิ่มขึ้น และเพิ่มยอดขายในจีนไม่สำเร็จ.