หากมองไปยัง Valuation ปี 2564 ตลาดอาจมีโอกาสไซด์เวย์ขึ้นทดสอบ 1,400 จุด

หากมองไปยัง Valuation ปี 2564 ตลาดอาจมีโอกาสไซด์เวย์ขึ้นทดสอบ 1,400 จุด

หุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มจากผลประกบอการและราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น

โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับลดลง 5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานนำการปรับขึ้นเด่นทั้งใน Dow Jones และ S&P500 ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีหุ้น Facebook ทำ new high หลังเปิดตัว Facebook shop ซึ่งเป็น platform ช่วยการทพธุรกิจอีคอมเมอร์ซ

กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ด้วยคะแนนเสียง 4:3 เป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำไรกลุ่มที่ไวต่อดอกเบี้ย ทั้งกลุ่มการเงิน, อสังหาริมทรัพย์ หุ้นปันผล และหุ้นไฟฟ้า ขณะที่เป็นลบต่อส่วนต่างดอกเบี้ยกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ถึงจะมีปัจจัยกังวลเรื่องการตั้งสำรอง แต่มีโอกาสที่กลุ่มธนาคารอาจเริ่มมีความน่าสนใจในการเก็งกำไรจาก 1) Valuation ปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนปันผลส่วนใหญ๋มากกว่า 4% 2) มีโอกาสที่สินเชื่อจะโตกว่าคาด จากการกู้ยืมเพื่อแก้ปัญหาในช่วงสถานการณ์โควิด และการที่ตลาดตราสารหนี้หดตัวเพราะความกังวลของนักลงทุน 3) เงินฝากในระบบที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า (7 แสนล้านบาท) เริ่มลดลงหลังการออกหุ้นกู้ของ CPF, BJC และผู้ประกอบการอื่นๆ

หากมองโลกในแง่บวก ตลาดมีโอกาสทดสอบ 1400 จุด ประมาณการกำไรบจ.ปี 2563 ยังคงปรับลดลง ล่าสุดเหลือ 69 จากต้นปีที่ 115 บาท หรือลดลง 40% ทำให้หุ้นซื้อขายด้วย Valuation ที่ดูตึงตัว อย่างไรก็ตามหากมองไปยังประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 85 บาท และด้วย PER ที่ 13-15 เท่า กรอบการซื้อขายของ SET Index จะอยู่ที่ 1274-1444 จุด ซึ่งในสถานการณ์ที่สภาพคล่องในระบบสูงและนักลงทุนเลือกมองในมุมมบวก ตลาดอาจไม่พักตัวจนกว่าจะเจอปัจจัยลบที่ชัดเจน กระทั่งมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบใกล้ 1400 จุดได้  

เลือกเก็งกำไรรายตัว โดยประเด็นที่น่าสนใจได้แก่ 1) กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ดี ได้แก่ IVL, SCC, STA, TIP, VRANDA 2) หุ้นกำไรมั่นคง (defensive) GPSC, BCPG, RATCH, BCH, CHG, SSP, SUPER 3) กลุ่มประกันภัย TIP และ THRE 4) กลุ่มการเงินที่ยังไม่แพง BFIT, AMANAH โดยการเก็งกำไรในกรอบ 1300-1400 จุด ควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุน

ภาพรวมกลยุทธ์ SET Index สร้างฐานบริเวณ 1280-1320 จุด แม้ระดับปัจจุบันจะซื้อขายด้วย Valuation ปี 2563 ที่ดูตึงตัว แต่ด้วยสภาพคล่องในระบบที่สูงมากและมีอัพไซด์เมื่อมองไปยัง Valuation ปี 2564 ทำให้ตลาดยังมีโอกาสไซด์เวย์ขึ้นในระยะสั้นหากไม่มีปัจจัยลบที่ชัดเจนเข้ามา  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  CPF*, SSP*, BFIT*

แนวรับ 1,316 / แนวต้าน : 1,328-1,358 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐฯผ่านร่างพิจารณาเพิกถอนบจ.จีน – วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติร่างกฎหมายที่อาจทำให้ต้องมีการเพิ่กถอนการจดทะเบียนบริษัทสัญชาติจีน อาทิ Alibaba Group Holding Ltd. และ Baidu Inc.  ออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ

ดัชนีการค้าโลก มี.ค.ทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ – องค์การการค้าโลก (WTO) เผยดัชนีการค้าโลกเดือน มี.ค.ปรับลงแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 87.6 จากระดับเดือน ก.พ.ที่ 95.5 รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19

ความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยทำจุดต่ำสุดในรอบ 11 ปี – ส.อ.ท. รายาน ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 75.9 จาก 88.0 ในเดือน มี.ค.63 ต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยเป็นการปรับตัวลงในทุกขนาดอุตสาหกรรม

กนง.ลดดอกเบี้ยตามคาด – กนง.มีมติ 4-3 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 0.50% ต่อปี หลังเศรษฐกิจและเงินเฟ้อหดตัวมากกว่าคาด

ติดตามการผ่อนคลายระยะที่3 - สมช.พิจารณาวันนี้เกี่ยวกับการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน  เพื่อนำเสนอ ศบค.และครม. ทั้งนี้คาดการผ่อนปรนในระยะที่ 3 จะดำเนินการได้ราวมิ.ย.

 

ประเด็นติดตาม: 21 พ.ค. – US PMI เดือน เม.ย., 22 พ.ค. – EU PMI เดือน เม.ย.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)