กกพ.เคาะกรอบรับซื้อไฟโรงไฟฟ้าชุมชนฯ คาดเปิดยื่นเสนอโครงการฯ มิ.ย.นี้

นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ กกพ.ได้รายงานต่อนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ระยะแรก หรือ โครงการ Quick Win ที่มีเป้าหมายเปิดรับซื้อไฟฟ้าไม่เกิน 100 เมกะวัตต์

โดยได้ชี้แจงถึงขั้นตอนที่จะนำไปสู่การประกาศรับซื้อไฟฟ้าและการยื่นข้อเสนอของภาคเอกชนและวิสาหกิจชุมชนในการขายไฟฟ้าให้รับทราบ หลังจากที่ประชุม บอร์ด กกพ. เมื่อวันที่ 29 เมษายน และ 13 พฤษภาคม 2563 ได้พิจารณาและมีความเห็นว่า การออกประกาศเชิญชวน การรับซื้อไฟฟ้าโครงการ Quick Win ควรดำเนินการภายหลังจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2563-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 หรือ พีดีพี ฉบับปรับปรุงใหม่ ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้วเท่านั้น เนื่องจากในแผนดังกล่าว มีการบรรจุการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนฯรองรับไว้ประมาณ 1,933 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการจัดหาไฟฟ้าจากโครงการฯ เป็นไปตามขั้นตอนและเป็นการจัดหาไฟฟ้าภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดย กกพ.ได้พิจารณากรอบระยะเวลารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการ Quick Win แล้ว สามารถดำเนินการได้ตามกรอบระยะเวลา ดังนี้ 

การยออกระเบียบ กกพ. ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปแล้วเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนรอ ครม. เห็นชอบแผน พีดีพี ฉบับปรับปรุงใหม่ คาดว่า จะเป็นช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จากนั้นจะออกประกาศเปิดรับ โครงการ Quick Win ภายในเดือนมิถุนายนเช่นกัน หากครม.เห็นชอบแผนพีดีพี แล้ว

โดยผู้สนใจ สามารถยื่นข้อเสนอขอขายไฟฟ้า ได้ที่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 และ คณะกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่มีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะพิจารณาผลการรับซื้อไฟฟ้า ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 พร้อมประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกดำเนินโครงการ ภายในวันที่ 2 กันยายน 2563 จากนั้น ผู้ได้รับคัดเลือกจะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ(COD) ภายใน 12 เดือน นับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองกองทุนส่งเสริม​เพื่อการอนุรักษ์​พลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ได้สรุปยอดการเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กองทุนอนุรักษ์ฯ) ประจำปีงบประมาณ 2563 ภายใต้วงเงิน 5,600 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 8-18 พ.ค.2563 โดยพบว่า มีผู้สนใจยื่นเสนอโครงการฯ รวมเป็นเม็ดเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท สูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ประมาณ 11 เท่า

ขณะนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ เตรียมจัดทำหลักเกณฑ์​การพิจารณาโครงการฯ ​ตามนโยบายของคณะอนุกรรมการกองทุนฯที่นายสนธิ​รัตน์​ สนธิ​จิร​วงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เน้นย้ำยุทธศาสตร์ของกองทุนฯ ต้องโปร่งใส ทำได้จริง และไม่ให้มีการอนุมัติโครงการประเภทจัดซื้อสิ่งของ และเน้นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากหลังเกิดจากผลกระทบโควิด-19 เพื่อให้เกิดการจ้างงานในระดับชุมชน ซึ่งในส่วนนี้จะมีงบประมาณที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3,600 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2,000 ล้านบาท จะเป็นงบผูกพันที่มีไว้เดิม คาดว่า หลักเกณฑ์ต่างๆจะชัดเจนเร็วๆนี้