เปิดเหตุผลหุ้น'การบินไทย'พุ่ง สวนทางบริษัทเตรียมเข้าแผนฟื้นฟู

เปิดเหตุผลหุ้น'การบินไทย'พุ่ง สวนทางบริษัทเตรียมเข้าแผนฟื้นฟู

หุ้นไทยพุ่งชนซิลลิ่ง 2 วันติด บวก 31% อยู่ที่ 5.40 บาท นักวิเคราะห์ชี้ตลาดคลายความกังวลระยะสั้น หลังเตรียมหยุดพักคืนหนี้ พร้อมเตือนความเสี่ยง Dilution effect จากการเพิ่มทุน

หลังจาก ครม.มีมติให้ บมจ.การบินไทย (THAI) ยื่นขอศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ. ล้มละลาย เมื่อ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นราคาหุ้น THAI ดีดกลับทันทีจนขึ้นมาชนเพดานการซื้อขายระหว่างวัน และยังต่อเนื่องด้วยการพุ่งขึ้นชนเพดานอีกครั้งในวันถัดมา ทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 31% ภายใน 2 วันทำการ

แม้ในระยะยาว ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการฟื้นฟู ‘การบินไทยตามแผนที่อยู่ระหว่างการจัดทำกันนี้ จะช่วยให้บริษัทกลับมายืนได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง แต่หากมองในระยะสั้นแล้ว ดูเหมือนว่าการตัดสินใจเลือกทางออกเช่นนี้สำหรับการบินไทย จะทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น THAI

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโส บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า โดยภาพรวมดูเหมือนว่าตลาดกำลังคาดหวังว่าการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูครั้งนี้ จะช่วยให้สถานการณ์ของ THAI ดีขึ้น โดยปัจจัยบวกที่เห็นชัดที่สุดคือ เมื่อศาลรับคำร้อง ภาระหนี้สินของการบินไทยจะถูกหยุดพักชำระไว้ก่อน ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดมาดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น หลังจากนั้นคือการหารือกับเจ้าหนี้แต่ละรายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขอลดหนี้ แปลงหนี้เป็นทุน หรือขยายเวลาชำระหนี้

ความคาดหวังถัดมาคือ โอกาสที่กระทรวงการคลังจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงต่ำกว่า 50% ทำให้ THAI เปลี่ยนสถานะจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ระดับ 1 เป็นระดับ 3 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างในส่วนของพนักงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากที่เดิมทีบริษัทต้องระมัดระวังในเรื่องผลประโยชน์ของพนักงานที่เข้มงวดกว่าบริษัทเอกชนทั่วไป

“แม้จะมีแรงหนุนในระยะสั้น แต่ระยะยาวยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า THAI จะดีขึ้นเพียงใด และความเสี่ยงที่เห็น ณ ขณะนี้คือส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีแนวโน้มจะติดลบภายในครึ่งปีแรก ทำให้บริษัทจำเป็นจะต้องประกาศเพิ่มทุน ซึ่งผู้ถือหุ้นจะมีความเสี่ยงในเรื่องของ Dilution effect สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะใส่เงินลงทุนเพิ่ม”

ณ สิ้นปี 2562 ส่วนของผู้ถือหุ้น THAI อยู่ที่ราว 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกคาดว่าจะขาดทุน 3 หมื่นล้านบาท และทั้งปีคาดจะขาดทุน 5.7 หมื่นล้านบาท เมื่อส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ทำให้เราไม่สามารถประเมินราคาพื้นฐานของ THAI โดยอิงจากมูลค่าทางบัญชีได้ เพราะฉะนั้นแล้วในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำหลีกเลี่ยง

ด้าน นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ปัจจัยหนุนราคาหุ้น THAI อีกส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากความเสี่ยงที่หุ้นจะถูกพักการซื้อขาย โดยการขึ้นเครื่องหมาย SP น่าจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ เพราะตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพิจารณาขึ้นเครื่องหมาย SP เมื่อส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ โดยดูจากงบการเงินรายปี ไม่ใช่รายไตรมาส

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนสำหรับหุ้น THAI ยังมีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกับผู้ถือหุ้นที่มีโอกาสจะต้องดำเนินการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การใส่เงินเพิ่มทุน ฉะนั้น จึงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่ต้องถือหุ้นตัวนี้ยาวในลักษณะของพันธมิตรทางธุรกิจ

ขณะที่แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ เปิดเผยว่า หากพิจารณาจากกรณีของบริษัทหลาย ๆ แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ เมื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยมากมักจะต้องเพิ่มทุน ซึ่งในเชิงทฤษฎีแล้วก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกผลักดันให้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้การเพิ่มทุนได้ในราคาที่สูงขึ้น

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุถึงความเสี่ยงของ THAI เมื่อถึงเวลาส่งงบการเงินไตรมาส 1/2563 ซึ่งมีความเป็นไปได้หลายกรณี ได้แก่ กรณีงบการเงินไม่ถูกต้อง ในกรณีนี้จะถูกตลาดหลักทรัพย์สั่งให้หยุดการซื้อขายเป็นเวลา 3 เดือน และเปิดให้กลับมาซื้อขาย 1 เดือน แล้วหยุดการซื้อขายต่อโดยจะต้องแก้ไขงบการเงินให้มีความถูกต้องแล้วเท่านั้น

กรณีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ ต้องรองบฯ ปี ตามเกณฑ์แล้วจะต้องเป็นงบการเงินสิ้นงวดปี ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว ดังนั้นถึงแม้ระหว่างไตรมาสส่วนผู้ถือหุ้นติดลบก็จะยังไม่ถูกหยุดการซื้อขาย แต่ก็จะเริ่มมีสัญญาณของความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

กรณีการติดเครื่องหมาย C จะต้องซื้อด้วยบัญชีเงินสดเท่านั้น ตามเกณฑ์แล้ว หากส่วนผู้ถือหุ้นแสดงค่าที่น้อยกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว ซึ่ง ณ สิ้นปี 62 มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วเป็น 21,828 ล้านบาท แสดงว่ากึ่งหนึ่งจะมีค่าเป็น 10,914 ล้านบาท หาก ณ เวลานั้นส่วนผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่า ซึ่งพิจารณาแล้วก็จะมีโอกาสอยู่มาก การเข้าซื้อหุ้น THAI จะต้องซื้อด้วยบัญชีเงินสดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่เข้ากรณีจะต้องถึงกับหยุดการซื้อขายหุ้นเลยทีเดียว