เครือข่ายต้านสารพิษเกษตร จี้ กษ. เร่งหาทางเลือกแทนการใช้สารพิษเกษตร

เครือข่ายต้านสารพิษเกษตร จี้ กษ. เร่งหาทางเลือกแทนการใช้สารพิษเกษตร

แนะ พลิกวิกฤติโควิดเป็นโอกาส พลิกภาคเกษตรพึ่งสารเคมีสู่เกษตรยั่งยืน

หลังจากมี “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม” เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่6) ..2563 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวานนี้ เพื่อขึ้นบัญชีสารเคมีเกษตรพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสจำนวน 5 รายการ เป็นวัถุอันตรายชนิดที่ 4 ได้แก่ คลอร์ไพริฟอส คลอร์ไพริสฟอส-เมทิล พาราควอต พาราควอตไดคลอไรด์ และพาราควอตเมโทซัลเฟตหรือพาราควอตบิสเมทิลซัลเฟต ซึ่งส่งผลทำให้สารเหล่านี้จะไม่การใช้ในประเทศอีกหรือถูกแบน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป

ทางเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือ Thai-Pan ได้เสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสนับสนุนเกษตรกรทั้งในรูปการฝึกอบรมการให้ข้อมูลความรู้ทางวิชาการ หรือการสนับสนุนในรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ใช้วิธีการทางเลือกอื่น เช่น การใช้เครื่องตัดหญ้า เครื่องจักรกลการเกษตร การปลูกพืชคลุมดิน และการจัดระบบการปลูกพืช เป็นต้น ในการกำจัดวัชพืช แทนการใช้สารเคมี

ทั้งนี้ สารดังกล่าว เป็นหนึ่งในสารสามชนิดที่ทางเครือข่ายฯ และองค์กรแนวร่วมร่วมรณรงค์มานานกว่า 3 ปี เพื่อให้มีการแบน เพราะความเป็นพิษต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

โดยเครือข่ายฯ กล่าวว่า ควรใช้โอกาสที่ประชาชนจำนวนมากนับล้านคนที่หลั่งไหลกลับภาคเกษตรกรรมอันเกิดจากวิกฤต COVID-19 สร้างอาชีพ เช่น หน่วยบริการกำจัดวัชพืช โดยอาจสนับสนุนเงินทุนและทรัพยากรเพื่อการนี้แก่กลุ่มต่างๆที่สนใจ รวมไปถึงการปฏิรูประบบเกษตรกรรม ที่ส่วนใหญ่เน้นการผลิตเชิงเดี่ยวผลิตวัตถุดิบราคาถูก ไปสู่ระบบเกษตรผสมผสานที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงทางอาหารมากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในระยะยาว และรองรับการเปลี่ยนแปลงรับมือยุคหลังไวรัสระบาด

โดยรัฐบาลอาจแบ่งงบประมาณ 400,000 ล้านบาท สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่อรองรับเกษตรกรรายย่อยที่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนวิถีเกษตรกรรมไปสู่วิถีเกษตรใหม่ดังกล่าว เครือข่ายฯ กล่าว

ในการประชุมวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย พิจารณาวาระสำคัญเรื่อง การออกประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อกำหนดให้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ก่อนที่จะมีการตัดสินใจไม่เลื่อนการแบนสารสองชนิดนี้ หลังจากเลื่อนมาจากปลายปีที่ผ่านมา และออกประกาศในที่สุด

ทั้งนี้ ในประกาศ ได้ขอให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่4 ตามประกาศ ที่ได้ดำเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ปฎิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด

ภาพ/ นิตยสารฉลาดซื้อ