ถ้าไม่เรียนออนไลน์ “เปิดเทอม”แบบไหนป้องกันโควิด-19

ถ้าไม่เรียนออนไลน์ “เปิดเทอม”แบบไหนป้องกันโควิด-19

สธ.คลอดแนวทางป้องกัน-ควบคุมโรคในสถานศึกษา กำชับเตรียมการ 6 เรื่องก่อนเปิดเทอม ห้ามเด็กป่วยมาเรียน-จัดที่นั่งเรียนเว้นระยะ-จัดตารางพักเหลื่อมเวลา-งดทัศนศึกษา-งดเรียนในห้องแอร์ที่ไม่จำเป็น กรณีพบผู้ป่วยปิดห้องเรียนทันที ตะครุบ6ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงโดยเร็ว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ออกแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19ในโรงเรียน สถานศึกษา ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2563 โดยสาระสำคัญแบ่งเป็น 6 ประเด็น อาทิ ประเด็นที่ 1 เมื่อมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเกิดขึ้น จะมีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อสูง หมายถึงผู้สัมผัสใกล้ชิด โดยเป็นผู้ที่เรียนร่วมห้อง ผู้ที่นอนร่วมห้อง หรือเพื่อนสนิทที่คลุกคลีกัน ผู้ที่มีการพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตรนากกว่า 5 นาที หรือถูกไอ จามรดจากผู้ป่วย โดยไม่มีการป้องกัน เช่น ไม่สวมหน้ากากอนามัย ผู้ที่อยู่ในบริเวณที่ปิดไม่มีการถ่ายเทอากาศ เช่น ในรถปรับอากาศ ห้องปรับอากาศร่วมกับผู้ป่วยและอยู่ห่างจากผู้ป่วยไม่เกิน 1 เมตรนานกว่า 15 นาทีโดยไม่มีการป้องกัน 


       ประเด็นที่ 2 การเตรียมสถานศึกษาก่อนเปิดภาคเรียน ต้องตรวจสอบห้องสุขา โรงอาหาร ให้มีอ่างล้างมือให้เพียงพอ อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน รวมถึงสบู่ล้างมือที่เพียงพอ จัดเตรียมอุปกรณ์ล้างมือ เช่น เจลแอลกอฮอล์ไว้บริเวณทางเข้าห้องเรียน และอาคารต่างๆที่มีการใช้งานร่วมกัน กำหนดจุดตรวจคัดกรองอาการป่วยบริเวณทางเข้าต่างๆ จัดสถานที่เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เช่น การเข้าแถว การเข้าคัวิ การจัดที่นั่งเรียน การจัดที่นั่งรับประทานอาการ ทำสัญลักษณ์เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล จัดตารางเหลื่อมเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน สำหรับเด็กเล็กที่ยังต้องนอนกลางวันหรือโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่มีโรงนอน ให้รักษารยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1 เมตรไม่เอาศีรษะชนกันและแยกอุปกรณ์เครื่องใช้เป็นของส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกัน กรณีเด็กป่วยให้หยุดอยู่บ้าน และกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการป้องกันควบคุมโรคของสถานศึกษา 


         ประเด็นที่ 3 กิจกรรมการเฝ้าระวังและป้องกันโรคเมื่อเปิดการเรียนการสอน ให้มีการตรวจสอบการลาป่วยของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน หากพบว่าผู้ป่วยมากผิดปกติให้รายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ ให้มีการคัดกรองไข้และอาการทางเดินหายใจของนักเรียนและบุคลากรทั้งหมดบริเวณทางเข้าสถานศึกษาทุกวัน หากพบผู้ป่วยให้หยุดและไปพบแพทย์ หากพบว่ามีผู้มีไข้มากมากผิดปกติให้แจ้งไปยังหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ แจ้งผู้ปกครองที่บุตรหลานมีอาการ เช่น ไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ หรือกลับจากพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในช่วงกักกันให้หยุดเรียน 
         รวมถึง กำชับกรณีมีคนในครอบครัวป่วยโรคโควิด-19หรือกลับจากพื้นที่เสี่ยงให้ทำตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด งดการจัดกิจกรรมรวมคน ทัศนศึกษา แข่งกีฬาสี เป็นต้น หากมีรถรับส่งนักเรียน เจ้าหน้าที่ต้องสังเกตอาการนักเรียนก่อนอนุญาตขึ้นรถ ให้สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกคนระหว่างนั่งในรถ พยายามเปิดประตูหน้าต่างของห้องเรียน งดการเรียนในห้องแอร์ที่ไม่จำเป็น และตรวจตราผู้ประกอบอาหารของโรงเรียนให้ปฏิบัติตามสุขอนามัย

 
        ประเด็นที่ 4 การทำความสะอาด พื้นและพื้นผิวต่างๆทำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาซักผ้าขาวผสมสำหรับเช็ดพื้นผิว หรือแอลกอฮอล์70%เช็ดฆ่าเชื้อโรคของอุปกรณ์ต่างๆ ทำความสะอาดห้องสุขาด้วยน้ำยาอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และกำจัดขยะอย่างถูกวิธีทุกวัน ประเด็นที่ 5 กิจกรรมเมื่อพบผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 ปิดชั้นเรียนที่พบผู้ป่วย เพื่อแยกนักเรียน นักศึกษา ทำความสะอาดสถานที่ที่ผู้ป่วยนั่งเรียนหรือใช้ประจำ สำรวจคัดกรองนักเรียนและบุคลากรทุกคนบริเวณทางเข้าโรงเรียนเรียนอย่างเคร่งครัด หากพบอาการไข้หรืออาการทางเดินหายใจให้นำส่งโรงพยาบาล


         ผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะดำเนินการเก็บตัวอย่างทางเดินหายใจส่งตรวจหาเชื้อและให้แยกตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงต่ำ แยกตัวอยู่ที่บ้านและรายงานอาการทุกวัน และทีมสอบสวนโรคทำการติดตามผู้สัมผัสทุกวันจนครบกำหนด และประเด็นที่ 6 การแยกตัวอยู่บ้านของผู้สัมผัสไม่มีอาการ วัดไข้ทุกวัน หากพบอุณฆภูมิสูงกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาหรือมีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้โทรรายงานครูผู้รับผิดชอบ แยกของใช้ส่วนตัว ทุกคนในบ้านให้ล้างมือบ่อยๆโดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำหรือจับสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน และห้ามออกจากบ้าน