GULF - ซื้อ

GULF - ซื้อ

เรื่องราวที่ไม่รู้จบ

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และลงนาม

บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาโครงการแหลมฉบังเฟสที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะจบดีลได้ภายใน 1-2 เดือน โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเซ็นสัญญางาน O&M โครงการมอเตอร์เวย์ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2563 ทั้งนี้ GULF สนใจโครงการโครงสร้างพื้นฐาน (PPP) อย่างเช่นโครงการ MRT สายสีส้มตะวันตก (PPP) ซึ่งคาดว่าจะออก TOR ในเดือนมิถุนายน 2563

โครงการในต่างประเทศจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว

ผู้บริหารบอกว่าบริษัทมีโอกาสจะขยายกิจการในโอมานจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Duqm จาก 45% เป็น 49% ซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสพัฒนาและดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าใน Duqm SEZ ในอนาคตในขณะเดียวกัน เราคาดว่าโครงการ LNG ในเวียดนาม (6,000MW) ซึ่งมีกำลังการผลิตเฟสแรก
(1,500MW) ก็จะเพิ่มเข้ามาใน PDP7 ใน 2Q63 ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวก็กำลังอยูระหว่างการเจรจาค่าไฟฟ้ากับ MRC ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษา

ยอดขายไฟฟ้าให้กลุ่มยานยนต์คิดเป็นแค่ 5.8% ของยอดขายไฟฟ้าเท่านั้น

ไฟฟ้าที่ GULF ผลิตได้ส่วนใหญ่มีสัญญาขายให้กับ กฟผ. (87% ของยอดขายไฟฟ้า) และที่เหลือ 13% ขายให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม (IU) ซึ่งเกือบครึ่งของ IUs อยู่ในกลุ่มยานยนต์ เราคาดว่า GULF จะได้รับผลกระทบในระยะสั้นจาก i) ผู้ผลิตในภาคยายนต์ปิดโรงงานใน 2Q63 และ ii) มีการลด
ค่าไฟฟ้าลง 3% ในปี 2563 (กระทบกับ IU) ทั้งนี้ เราคาดว่าผู้ผลิตในภาคยานยนต์อย่างเช่น Toyota และ Isuzu จะกลับมาผลิตอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2563

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2563 ที่ 41.00 บาท ถึงแม้ว่าราคหุ้นจะเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มาก แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นยังมี upside อีกจาก โครงการในโอมาน (Duqm SEZ และโครงการพลังงานหมุนเวียนทดแทน) แลโครงการแหลมฉบังเฟสที่ 3 (1 บาท/หุ้น) ซึ่งจะช่วยให้กำไรมีแนวโน้มชัดเจนขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้ เราคาดว่า GULF จะจับมือกับ BTS consortium เพื่อเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่ การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่