ลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ย

ลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ย

ดัชนีวานนี้ปิดบวกแรงกว่า 23 จุด หลังมีข่าวว่าสหรัฐสามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ช่วยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว

ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยังช่วยหนุนกลุ่ม ENERG ภายในประเทศ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,309.95 จุด (+23.42 จุด) Volume 7.9 หมื่นลบ. ต่างชาติ -894.96 ลบ. TFEX Net -6,649 สัญญา ตราสารหนี้ -1,707 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจน์ปิดลดลง 390.51 จุด -1.59% หลังจากผลทดลองวัคซีนของบริษัท Moderna ยังไม่ชัดเจนพอที่จะประเมินประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 68 เซนต์ +2.1% ปิดที่ 32.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับข่าวการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ประกอบกับคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

+/-ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 ใกล้ทะลุ 5 ล้านราย สหรัฐสุดสุด 1.5 ล้านราย ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 323,188 ราย  ไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย

-สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน 30.2% ในเดือนเม.ย. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 20.8% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี

+หากกนง.ลดดอกเบี้ยช่วยหนุนตลาดหุ้นปรับขึ้นต่อ

-ราคาทองปรับขึ้นหลังยา Avigan หลังผู้เชี่ยวชาญเผยยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ Avigan มีประสิทธิภาพรักษาโควิด-19

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 23.16 จุด +0.81% เช้าเปิด -2.11 จุด

+ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 299.72 จุด +1.49% เช้าเปิด +21.04 จุด

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.87 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.92 บาท/US

*จับตาการประชุมกนง.และส.อ.ท.แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาค อุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ ส่วนสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และ FOMC เผยรายงานการประชุมวันที่ 28-29 เม.ย

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังคงจับตามการประชุม กนง. โดยตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยังเป็นตัวช่วยพยุงตลาด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,320 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

IP (อยู่ระหว่างปรับประมาณการเชิงบวก)

รายงานกำไร 1Q63 เท่ากับ 13.9 ลบ.  +740%YoY โดยมียอดขายเท่ากับ 97.13 ลบ. +14.4%YoY เติบโตจาก 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย (อาหารเสริม) อาทิ โปรแบค ผลิตภัณฑ์ PreBo (ช่วยเสริมกระดูก) วิตามินรวม เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย และ 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง แต่ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงามหดตัว เนื่องจากบริษัทยกเลิกการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ นาโบตะ”  ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 63.18% จากปีก่อนอยู่ที่ 57.38% เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ยกเลิกจำหน่ายไปมีมาร์จิ้นต่ำ

ผบห.คงเป้ารายได้ปี 63 ราว 500 ลบ. โต 34%YoYโดยคาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องตลอดปีนี้ ซึ่งสนับสนุนจาก 1) การเติบโตจากช่องทางออนไลน์ (ปัจจุบันสัดส่วน 15%) 2) เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วง 3Q63 อีก 1-2 รายการ 3) บริษัทมีแผน M&A เวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องคนและสัตว์เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์กับการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพทำให้มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วง COVID-19 ระบาด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกสู่ตลาดใน 3Q63 จะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงตับซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับดีจากผู้บริโภคที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำช่วยหนุนผลประกอบการใน 2H63 เพิ่มเติม

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI Global Standard (AWC BAM KTC) มีผล 29 พ.ค. 
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 2 (HMPRO DOHOME COM7 AU M)
  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)

หุ้นมีข่าว   

SSP Analyst meeting (ซื้อ Bloomberg consensus 9.51)

·         รายงานผลประกอบการ 1Q63 ที่ 214.5 ลบ. +86%QoQ และ +75%YoY โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 55.6 ลบ. ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 161.2 ลบ. +20%QoQ และ +24%YoY โดยได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้าเวียดนาม(49.6 MW) และโรงไฟฟ้ามองโกเลีย (16.4 MW) ซึ่ง COD ตั้งแต่ มิถุนายน 62 และกรกฎาคม 62 ตามลำดับ นอกจากนี้ความเข้าแสงที่เพิ่มขึ้นในโครงการ Hidaka (21MW)

·         การเติบโตในอนาคต อยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีก 4 โครงการ 1)Yamaga(34.5MW, COD 2Q20) 2) Leo (26MW, COD3Q21) 3)โรงไฟฟ้าพลังลมเวียดนาม(48MW, COD3Q21) และ4) Leo2 (14MW, COD 3Q22) ซึ่งทั้ง 4 โครงการจะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตในปี 20-22 ต่อไป นอกจากนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโรงไฟฟ้าพลังลมที่เวียดนามอีก 40 MW

·         ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการใน 2Q63 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อนทั้งในไทย เวียดนาม และญี่ปุ่นซึ่งจะปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าช่วยหนุนราคาขายต่อหน่วยของเวียดนามและญี่ปุ่นให้สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ เราจึงแนะนำ ซื้อ

·         (+/-) APURE (Bloomberg Consensus - บาท) โชว์ไตรมาส 1/63 โกยกำไร 82 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 667% ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนและยอดขายโต "สุเรศพล" ตั้งเป้ายอดขายโต 20% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรการผลิต หนุนคุณภาพสินค้าดีขึ้น สามารถปรับราคาขายได้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+/-) THAI (Bloomberg Consensus 2.70 บาท)   ครม.ไฟเขียว การบินไทย (THAI) ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการเข้าสู่ศาลล้มละลายกลางภายในต้นมิ.ย.นี้ ตั้งทีมเจรจาแฮร์คัทหนี้กับ โบอิ้ง กว่าแสนล้านบาท ยอมรับไม่ง่าย รวมทั้งเจ้าหนี้สถาบันการเงินไทย ด้าน THAI พร้อมลดทุนฯ เร่งเสนอแผนฟื้นฟูเข้าศาลฯไทยและสหรัฐ ป้องกันถูกยึดเครื่องบิน บอร์ดวายุภักษ์ประชุมพรุ่งนี้ขออนุมัติซื้อหุ้น THAI 3% ไม่เกิน 300 ล้านบาท จากคลัง ด้านทริสฯลดอันดับการบินไทยจาก BBB สู่ C “คมนาคม  ชงรายชื่อคณะจัดทำแผนฟื้นฟูฯให้ ประยุทธ์สัปดาห์หน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+/-) MINT (Bloomberg Consensus 21.49 บาท) ประกาศระดมทุน 2.5 หมื่นล้านบาท เผยไตรมาส 3/63 เล็งออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท ออกหุ้นเพิ่มทุน 716.12 ล้านหุ้น ขายให้ RO วงการชี้ราคาขายหุ้นละ 13-14 บาท ส่วนอีก 5 พันล้านบาท มาจากแปลงวอร์แรนต์ MINT-W7 กว่า 313.83 ล้านหุ้น นอกจากนี้หั่นงบลงทุนปี 63 เหลือ 1.1 หมื่นล้านบาท หวังลดต้นทุน (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+) ICHI (Bloomberg Consensus 6.90 บาท) แย้มผลงาน Q2/63 โต หลังออกสินค้าใหม่ พร้อมเร่งออกผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม HP+8.5 เร็วขึ้น ชูมาร์จิ้นสูง จ่อวางขาย-ส่งออกต้นเดือน มิ.ย.นี้ คาดหนุนยอดส่งออกเพิ่มขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+/-) ACE (Bloomberg Consensus - บาท)  ผู้โบรกชี้โรงไฟฟ้าชีวมวลและ MSW กระตุ้นให้กำไรเติบโต มองการบริหารทางการเงินช่วยให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงประเมินไตรมาส 2/2563 ผลงานทรงตัวเหตุไม่มีกำลังการผลิตเข้ามาเพิ่ม แนะซื้อเคาะเป้าหมาย 5.24 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) CHAYO (Bloomberg Consensus 6.84 บาท)  ฟิตจัดเตรียมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ "ขายสินค้าและบริการผ่าน Call Center" ภายในปีนี้ เดินหน้าลุยซื้อหนี้ใหม่เข้ามาบริหารเพิ่มในไตรมาส 2/63 คาดครึ่งปีหลังแบงก์เทขายหนี้เสียทะลัก 5.5 แสนล้านบาท ดันมูลหนี้ในพอร์ตยืนเหนือ 5 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) TPCH (Bloomberg Consensus 15.40 บาท)  มาตามนัด! เสียบปลั๊กโรงไฟฟ้าชีวมวลปัตตานี ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 23 เมกะวัตต์ เข้าระบบเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 83 เมกะวัตต์ คาดไตรมาส 2/2563 เตรียม COD โรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 3 แห่งพร้อมลุยโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนตามแผนนโยบายจากภาครัฐ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TPCH (Bloomberg Consensus 15.40) กดปุ่ม COD โรงไฟฟ้าปัตตานี 23 MW รุกเดินหน้าหา PPA ในมือเพิ่ม พร้อมเตรียมเข้าร่วมยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชน (ที่มาอินโฟเควสท์)

(+) PTTGC (Bloomberg Consensus 40.65) เลื่อนสรุปปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐเป็นปี 64 พร้อมคงเป้ายอดขายปีนี้โต 7-10% (ที่มาอินโฟเควสท์)

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อการชะลอลงทุนสหรัฐ เนื่องจากผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้อุปสงค์ปิโตรเคมีชะลอตัวลง แต่อุปทานทั่วโลกยังทรงตัว โดยหากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าจะส่งผลให้ใช้เวลาอีกระยะในการดูดซับอุปทานส่วนเกิน นอกจากนี้การชะลอการลงทุนช่วยให้บริษัทมีสภาพคล่องสูงขึ้นอีกด้วย