เปิดสภาฯ เปิดศึกการเมือง

เปิดสภาฯ เปิดศึกการเมือง

ตรวจสถานการณ์การเมืองรัฐสภา ที่กำลังจะกลับมาเปิดสมัยประชุมสามัญ ในวันที่ 22 พ.ค. นี้ โดยกำหนดประชุมนัดแรกสัปดาห์ถัดไป 27 พ.ค.

นักการเมืองนับถอยหลังอย่างคึกคัก โดยเฉพาะฝ่ายค้าน ที่รอเปิดเวทีเตรียมซัดรัฐบาลหลายเรื่อง หลังจากผิดหวังในการเข้าชื่อเปิดสมัยวิสามัญ ซักฟอกร่างกฎหมายกู้เงิน ร่างกฎหมายโอนงบ สู้โควิด-19
ถือเป็นการ “คลายล็อกการเมือง” ในมุมนิติบัญญัติ

ขณะที่ในมุมบริหาร ประธานศูนย์โควิด ศบค. อย่างนายกฯ “ลุงตู่” ยังล็อกอำนาจนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเอาไว้ จนกว่าสถานการณ์โควิดจะปลอดภัย ไร้กังวล

ถอยหลังกลับไป ดูวาระที่ค้างสภาฯ เอาไว้ ก่อนโควิดระบาด เรื่องร้อนคือ การแก้รัฐธรรมนูญที่ส.ส.ฝ่ายค้านและส.ส.รัฐบาล จ่อวาระด่วนเอาไว้

แต่สถานการณ์วันนี้ ทำให้ฝ่ายค้านยอม “เว้นวรรค” เอาเรื่องงบประมาณแทรกเข้ามาก่อน ทั้งกฎหมายกู้เงิน โอนงบ และร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2554 ที่ด่วนยิ่งกว่า เพราะเป็นเรื่องความอยู่รอดปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติ


แม้จะวางเกมในสภาฯ เอาไว้ แต่ “6 พรรคฝ่ายค้าน” ที่เหลืออยู่ ก็ยอมรับสภาพว่า ทั้งเอกภาพ ประสิทธิภาพ และพลังการตรวจสอบรัฐบาลลดน้อยถอยลงไปมาก ทั้งจำนวนเสียง และทีมฮาร์ดคอร์อย่างอดีตแกนนำอนาคตใหม่ ที่จบไปกับการยุบพรรค

อีกทั้งศักยภาพ “ผู้นำฝ่ายค้าน” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่เป็นเพียงตัวแทนตำแหน่ง ก็ไม่ได้เป็นศูนย์รวมของการต่อสู้ในสภาฯ ที่แข็งแกร่ง กระทั่งสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลได้แม้แต่น้อย

มิหนำซ้ำ 22 พ.ค.ที่จะถึงนี้ เป็น 6 ปีในอำนาจของนายกฯ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แผงหลังยังมีกองทัพหนุนอย่างแข็งแรง ดั่งกำแพงเหล็ก ยากที่จะเจาะทำลายได้

ทางลุ้นเดียวที่มี คือ สถานการณ์ของฝั่งรัฐบาลเองว่า จะรอดหรือไม่รอด ก็ด้วยเรื่อง “สะดุดขาตัวเอง” โดยเฉพาะการชิงอำนาจ ยื้อแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี

ศึกในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพลังประชารัฐ เรื่องชิงการนำในพรรคเป็นเพียงแค่ยอดน้ำแข็ง แต่ก้อนใหญ่ใต้น้ำ คือ การชิงเก้าอี้รัฐมนตรีรอบสอง ของกลุ่มเชิด “บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

กำลังจะเริ่มนับหนึ่ง “ความเสื่อม” ของรัฐบาล ที่ไม่ต้องเปลืองแรงฝ่ายค้าน!