'ธนชาต-กรุงศรี' ลุ้นปลดล็อกดาวน์ครึ่งปีหลัง หนุน 'สินเชื่อรถยนต์' ฟื้น

'ธนชาต-กรุงศรี' ลุ้นปลดล็อกดาวน์ครึ่งปีหลัง หนุน 'สินเชื่อรถยนต์' ฟื้น

“ธนชาต-กรุงศรี” เตรียมทบทวนเป้าหมายสินเชื่อรถยนต์ปีนี้ คาดสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่หด ตามยอดขายรถที่ลดลง  หวังสถานการณ์คลายล็อกดาวน์หนุนตลาดสินเชื่อเพื่อคนมีรถครึ่งปีหลังฟื้น ส่วนมาตรการอุ้มลูกหนี้ที่ได้รับกระทบ ช่วยคุมหนี้เสียอยู่ในระดับที่เหมาะสม

 นายป้อมเพชร รสานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า  สถานการณ์ตลาดซื้อขายรถยนต์ในช่วงไตรมาส2ปีนี้ ยังคงลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสแรก แต่คาดว่าจะค่อยๆดีขึ้นในช่วงไตรมาส3และไตรมาส4ปีนี้ จากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย ซึ่งสินเชื่อรถยนต์ใหม่จะเป็นไปตามกำลังซื้อของตลาด  หรือลดลงจากปีก่อน โดยจะทบทวนเป้าหมายให้สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ 

ส่วนการช่วยเหลือลูกค้านั้น ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสินเชื่อรถยนต์ใหม่, รถใช้แล้ว, รถแลกเงิน โดยพักชำระหนี้ได้สูงสุด 6 เดือน ส่วนสินเชื่อสินเชื่อเล่มแลกเงิน (CYB) พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ 3 เดือน  และเมื่อพ้นช่วงพักชำระหนี้ ได้เตรียมโปรแกรมต่างๆ ไว้รองรับด้วย อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ธนาคารยังเตรียมโปรแกรมต่างๆ เพื่อดูแลลูกค้าตามผลกระทบที่ได้รับเอาทั้งลูกค้าและคู่ค้า

ด้านหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)สินเชื่อรถยนต์ของธนาคาร ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้ระวังเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยมีระบบที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการอนุมัติ คือเริ่มตั้งแต่พนักงานขายที่มีการประเมินลูกค้าเบื้องต้น หลังจากนั้นมี Scoring model ที่สามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ และหากลูกค้าค้างชำระ ก็ยังมีกระบวนการสื่อสารกับลูกค้าในการติดตามดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ

นางกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ กรุงศรี ออโต้ เปิดเผยว่า ยอดสินเชื่อรถยนต์ใหม่ของธนาคารในไตรมาสแรกปีนี้ ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบในวงกว้างในช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานี้

อย่างไรก็ตาม  เราได้ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ยังคงเปลี่ยนแปลงรายวันอย่างใกล้ชิด รวมถึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจตามกลไกตลาดและสภาพเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ เรามองว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการขยายมาตรการล็อกดาวน์ ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้ภาคครัวเรือน จะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในไตรมาส2 รวมถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2563 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ซึ่งธนาคารรอประเมินและทบทวนเป้าหมายปีนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุด ได้ช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วกว่า 500,000 ราย รวมทั้งสถานการณ์การล็อกดาวน์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มลดความเข้มงวดลง ส่งผลให้ลูกค้ามีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น จะช่วยควบคุมอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของเราให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

ทั้งนี้ ภายหลังการปลดล็อกดาวน์ ภาคธุรกิจตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยจะกลับมารีสตาร์ทอีกครั้ง เราเชื่อว่าจะเป็นโอกาสของตลาดสินเชื่อเพื่อคนมีรถ โดยคาร์ ฟอร์ แคช ยังคงเป็นทางเลือกของแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยจะพิจารณาสัดส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระเงิน (Ability to Pay) ของลูกค้า

นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยดิจิทัล (Digital Customer Engagement) ทั้งการให้บริการลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งยอดสินเชื่อใหม่และประกันภัยมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากมีการรณรงค์ด้านระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างจริงจัง