ERW - ถือ

ERW - ถือ

เกือบจะทำไม่ได้

จากข้อมูลใหม่ที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์และผลกระทบจาก COVID-19 เราปรับราคาเป้าหมายเป็นราคาเป้าหมายของปี FY21 ที่ 2.6บาทต่อหุ้น (ลงจากเดิม 4.0บาท (-35%) และปรับผลประกอบการของ ERW เป็นขาดทุนในปี FY2020-21 และกำไรเล็กน้อยในปี 2022F ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปในสมมติฐานของเราคือ RevParลดลงไปราว 69% ในปี 2020F เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ในขณะที่เราคาดว่าการฟื้นตัวของอัตราการเข้าพักจะช้ามากๆ และเราเชื่อว่าการประหยัดต้นทุนและการฟื้นตัวในการท่องเที่ยวภายในประเทศจะเป็นประโยชน์กับโรงแรม budget และจำกัดความเสี่ยงของกำไร

 

มุมมองเชิงลบจากการประชุมนักวิเคราะห์

ในฝั่งอุปสงค์ ERW คาดว่าการฟื้นตัวในอุปสงค์การท่องเที่ยวจะเริ่มตั้งแต่ 3Q20 เป็นต้นไป ด้วยความต้องการในประเทศนำในการฟื้นตัว ประกอบกับการบินพลเรือนเลื่อนการอนุญาตสายการบินระหว่างประเทศขาเข้า ผู้บริหารคาดว่านักท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะฟื้นตัวในเดือนตุลาคม จากการมียกเลิก lockdown ในประเทศไทย ERW เชื่อว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจะฟื้นตัวภายในมิถุนายน-กรกฎาคม จากการลดลงในความต้องการทำให้ ERW หยุดการลงทุนทุกอย่าง และพยายามลดต้นทุนการดำเนินงาน 60% (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) และเตรียมตัวที่จะใช้วงเงินราว 6.1พันล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงที่ภาวะการท่องเที่ยวเป็นขาลง

 

คาดว่าจะขาดทุนต่อเนื่อง FY2020-2022F  เป็นผลกระทบจาก COVID-19

เราคาดว่าผลประกอบการจะขาดทุน 1.2พันล้านบาทและ 146ล้านบาทสำหรับ 2020-21F ตามลำดับ และปรับลดกำไรลงราว 69% ในช่วงปี 2023F จากการฟื้นตัวที่ล่าช้า หลังจากการเลื่อนการอนุญาตเที่ยวบินระหว่างประเทศขาเข้าและคาดว่านักท่องเที่ยวจะเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยลง เราคาดว่า RevPar ไม่นับรวม HOP INN RevPar จะลดลงอย่างรุนแรงในช่วง 2Q20 และค่อยๆฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 ด้วยผู้ใช้บริการ 90%+ เป็นในพื้นที่สำหรับสาขาในประเทศไทยและ 60% สำหรับสาขาในฟิลิปปินส์ เราคาดว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจะหนุนการฟื้นตัวของอัตราการเข้าพักของ Hop INN ให้ดีกว่าโรงแรมในกลุ่มอื่น

 

Net D/E เพิ่มขึ้นสู่ 1.93เท่า แต่ยังต่ำกว่าระดับ debt covenant ที่ 2.5x

แม้ว่าเราจะคาดว่ามีการขาดทุนที่ระดับ 1.2พันล้านบาทและระดับ IBD ที่เพิ่มขึ้นถึง 1.09หมื่นล้านบาท ใน 2020 เรายังคงมองว่าระดับ net D/E ratio ที่ 1.93x และ D/E ที่ 2.1x ในช่วงสิ้นปี 2020 เป็นระดับที่ยังบริหารจัดการได้และยังคงต่ำกว่าระดับ debt covenant ที่ 2.5 เท่า แม้กระนั้น ERW ได้ทำคำขอไปยังธนาคารเพื่อที่จะผ่อนผันการทดสอบ debt covenant ในปีนี้

 

ปรับลดคำแนะนำลงสู่ ถือ พร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็นปี FY21 ที่ 2.6 บาทต่อหุ้น

เราปรับราคาเป้าหมายของเราเป็นปี FY2021 ที่ 2.6บาทต่อหุ้น เนื่องจากเราเชื่อว่าปี 2020 ไม่ได้สะท้อนภาพปกติของกลุ่ม อย่างไรก็ตามด้วย upside ที่จำกัดจากราคาเป้าหมายของเรา เราปรับคำแนะนำของ ERW ลงสู่ถือจากซื้อ ประเด็น upside จากประมาณการของเราคือการค้นพบวัคซีนที่เร็วกว่าคาด และการติดเชื้อระลอก 2 ที่ไม่มากนัก