ถอดบทเรียนโลก 'คลายล็อคดาวน์' แบบสมดุล

ถอดบทเรียนโลก 'คลายล็อคดาวน์' แบบสมดุล

ขณะนี้ญี่ปุ่น เพื่อนบ้านเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ต่างพยายามสร้างเส้นทางของตนเอง นำไปสู่เป้าหมายปลายทางเดียวกัน นั่นก็คือการออกจากวิกฤติไวรัสโคโรนาที่ทำลายเศรษฐกิจเสียหายยับเยิน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์นิกเคอิเอเชียนรีวิวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินใน 39 จังหวัด จาก 47 จังหวัดทั่วประเทศไปแล้วเมื่อเย็นวันที่ 14 พ.ค. ยกเว้นกรุงโตเกียว เขตมหานครที่มีประชากรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเมืองใหญ่อื่นๆ ที่ยังคงภาวะฉุกเฉินเอาไว้ แต่รัฐบาลจะประเมินใหม่ใน 1 สัปดาห์

การล็อคดาวน์ของญี่ปุ่นไม่ได้เข้มงวดเหมือนอย่างในอินเดียหรือฝรั่งเศส รัฐบาลโตเกียวประกาศมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือไวรัสตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน ใครอยากไปไหนมาไหนก็ยังอนุญาตให้ใช้รถโดยสารสาธารณะและรับประทานอาหารในร้านได้

แม้มาตรการล็อคดาวน์ของญี่ปุ่นจะทำแบบหลวมๆ แต่ก็ถูกภาคธุรกิจและประชาชนส่วนหนึี่งกดดัน นายกฯ อาเบะจึงต้องคลายมาตรการเฝ้าระวังลง พร้อมชี้แจงว่ารัฐบาลจะผ่อนคลายเพิ่มอีกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

“หลายพื้นที่ยกเลิกภาวะฉุกเฉิน วันนี้เป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุคไวรัสโคโรนา แต่ไวรัสก็จะอยู่รอบตัวเราไปอีกระยะหนึ่ง” อาเบะแถลงพร้อมเตือนให้ผู้คนไม่ประมาท

หลายประเทศทั่วโลกก็ไม่ต่างจากญี่ปุ่นที่ขณะนี้ต้องสร้างสมดุลระหว่างหลีกลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจพัง และป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่อาจทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลจนระบบสาธารณสุขพังไปด้วย

158985125535

หลายๆ รัฐบาลจึงต้องกำหนดเกณฑ์เฉพาะในการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง บางประเทศถึงกับกำหนดเงื่อนไขการกลับมาคุมเข้มอีกรอบ ในกรณีที่ไวรัสกลับมาอีก

หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เวียดนามประกาศชัยชนะเหนือไวรัสได้ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศนานหลายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ไทยประกาศไม่พบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน

ขณะที่มาเลเซียยังควบคุมการเดินทางไปจนถึงวันที่ 9 มิ.ย. แต่รัฐบาลก็ยอมอ่อนข้อลงมาก อนุญาตให้ภาคธุรกิจเปิดทำการใหม่ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. มาตรการปิดเมือง “เซอร์กิตเบรกเกอร์” ของสิงคโปร์ก็เช่นกัน แม้มีผลไปจนถึงวันที่ 1 มิ.ย. แต่สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลก็อนุญาตให้ร้านตัดผม ซักรีด และบริการอื่นๆ เปิดให้บริการอีกครั้ง หลายธุรกิจจำเป็นต้องใช้ระบบเช็กอินลูกค้าและพนักงาน เปิดช่องให้ทางการติดตามตัวได้อย่างรวดเร็วกรณีที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่

ในสหรัฐ แม้ทางการท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจผ่อนคลายข้อจำกัด แต่ก็ต้องเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติของทำเนียบขาว เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และสร้างหลักประกันว่าสามารถตรวจสอบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มากพอ

ในรัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันแล้วสูงสุดของประเทศ คำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านสิ้นสุดในวันที่ 15 พ.ค. แผนดังกล่าวทำเป็นระยะๆ แยกตามเขต โดยมีเงื่อนไขว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลต้องลดลงเป็นเวลา 14 วัน โรงงานเปิดทำการเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งต้องมีแผนดูแลความปลอดภัยให้พนักงาน เริ่มต้นจากธุรกิจก่อสร้างและการผลิตร้านค้าปลีกบางแห่งบริการเฉพาะส่งของให้ที่รถเท่านั้น

“การปิดทุกสิ่งทุกอย่าง ปิดเศรษฐกิจ ขังตัวเองอยู่ในบ้าน ย่อมไม่ใช่สถานการณ์ที่ยั่งยืน คุณทำได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ทำตลอดไปไม่ได้” แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวถึงการล็อคดาวน์เมืื่อวันที่ 8 พ.ค.

158985139614
- แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก -

รัฐแคลิฟอร์เนียก็ดำเนินการแบบเดียวกัน ถ้าเฟส 1 ผ่านไปอย่างราบรื่น บริการวิชาชีพ บริษัทอสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ จะเปิดให้บริการต่อไป จากนั้นตามด้วยร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ต่อด้วยโรงภาพยนตร์และสถานบันเทิง ส่วนโรงเรียนจะเปิดเป็นรายสุดท้าย

สหราชอาณาจักร (ยูเค) ประเทศที่สาหัสที่สุดในยุโรป รัฐบาลเผยแผนคลายล็อคดาวน์เป็นเฟสๆ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. และผ่อนคลายข้อจำกัดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 23 มี.ค.

คนงานในอังกฤษที่ทำงานจากบ้านไม่ได้ เช่น คนงานในภาคการผลิต ได้รับการสนับสนุนให้กลับไปทำงานในสัปดาห์ที่่ผ่านมา ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจนอกบ้านได้เกินกว่า 1 ครั้งต่อวัน แต่ยังต้องอยู่ห่างกัน 2 เมตร ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัวด้วยกันเองหรือกับคนนอก

ด้วยความเกรงกลัวว่าหากผ่อนคลายล็อคดาวน์แล้วการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก เหมือนที่เกาหลีใต้เจอกรณีย่านไนท์คลับอิแทวอน ยูเคและหลายประเทศจึงส่อเค้าว่าจะกลับไปล็อคดาวน์ใหม่หากจำเป็น

ยูเคนั้นเตรียมตั้งศูนย์ความมั่นคงชีวภาพร่วม และใช้ระบบเตือนภัยโควิด 5 ระดับเพื่อกำหนดระดับภัยคุกคามจากไวรัสโคโรนาและการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เหมาะสม การจัดระดับขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อ และการแพร่เชื้อ (จำนวนเฉลี่ยผู้ที่เป็นพาหะ)

เยอรมนี เริ่มเปิดเศรษฐกิจตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนพร้อมๆ กับการเฝ้าระวัง นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ย้ำว่า จำเป็นต้องรักษาจำนวนการแพร่เชื้อให้ต่ำกว่า 1

รัฐบาลกลางมอบอำนาจและความรับผิดชอบให้รัฐบาลสหพันธรัฐ กำหนดเงื่อนไขถ้าเขตหรือเมืองใด มีผู้ติดเชื้อใหม่เกิน 50 คนต่อประชากร 1 แสนคนในรอบ 7 วัน ต้องกลับไปล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดอีกครั้ง