ส่งฟ้อง 'บรรยิน-6ราย' 9 ข้อหา อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาขู่ล้มคดี

ส่งฟ้อง 'บรรยิน-6ราย' 9 ข้อหา อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาขู่ล้มคดี

อัยการฟ้อง "บรรยิน" กับพวก 6 คน 9 ข้อหาหนัก คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา บีบล้มคดีโกงหุ้นเสี่ยชูวงษ์ 240 ล้านบาท

ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาโดยมูลเหตุสืบเนื่องจากการพิจารณาคดีฉ้อโกงหุ้น มูลค่า 240 ล้านบาท ของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อดีตผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ โดยมีผู้ถูกกล่าวหา 7 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช. พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ49 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 34 ปี ด.ต. ธงชัย หรือ สจ.อ้อด วจีสัจจะ อายุ 62 ปี และชายไทยไม่ทราบชื่อ

ล่าสุด วานนี้ (18 พ.ค.) นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยว่า ตามที่นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม(บก.ป. )เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2563 โดยคดีดังกล่าวมี น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้กล่าวหา 7 คนที่เกี่ยวข้อง

โดยคดีนี้สืบเนื่องจาก นายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชายของผู้พิพากษาคนดังกล่าวถูกกลุ่มผู้ต้องหาอุ้มฆ่า โดยมูลเหตุสืบเนื่องจากการพิจารณาคดีฉ้อโกงหุ้น ประมาณ 240 ล้าน บาทของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ซึ่งมี น.ส.พนิดา ผู้พิพากษา อาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนโดยมี พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกรวม 4 คน เป็นจำเลย

ต่อมานายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ซึ่งมีนายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่าย คดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี

เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ซึ่งกลุ่มคนร้ายมีพฤติกรรมอุกอาจ สังคมให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าคดีมาอย่างต่อเนื่อง นายพรพิชัยจึงมีคำสั่งของสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดี ปราบปรามการทุจริต 3 ที่ 5/2563 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาคดีนี้ ประกอบด้วย นายบุญยัง จุมพล อัยการผู้เชี่ยวชาญ นายไพบูลย์ วนพงศ์ทิพากร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงาน พ.ต.อ.ธงชัย กีรติธรรมากร อัยการประจำกอง เป็นคณะทำงานและเลขานุการ โดยนายพรพิชัย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

คำสั่งฟ้อง 6 ราย 9 ข้อหาหนัก

หลังจากร่วมกันพิจารณาสำนวนการสอบสวนโดยละเอียด รอบคอบแล้ว จึงมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก ก่อนเสนอความเห็นไปยังนางสิริญา อินทามระ รองอธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต และนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ซึ่งเห็นพ้องตามที่คณะทำงานเสนอมา

โดยสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยินกับพวก รวม 6 คน รวม 9 ข้อหา 1.ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย

3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป 4.เป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต
5.ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
6.ร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย 7.ร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี และ 8.ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

“บรรยิน”โดนคดีสวมเครื่องแบบตร.

นอกจากนี้ เฉพาะ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกฟ้องเพิ่มเติมในข้อหา 9.สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมาย ของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา อีกด้วย

ทั้งนี้ พนักงานอัยการยังขอให้นับโทษ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของศาลอาญา กรุงเทพใต้ ในคดีหมายเลขคดีแดงที่ 636/2563 ที่ศาลลงโทษจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน ในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นนายชูวงศ์และนับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขคดีดำที่ 4915/2559 ของศาลอาญาพระโขนงซึ่งพนักงานอัยการฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ข้อหาฆ่านายชูวงศ์ โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอีกด้วย

รายที่ 7 หลักฐานโยงไม่ถึง

สำหรับชายไทยไม่ทราบชื่อ ผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่มีพยานใด ๆ ว่า ไปร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาที่ 1-6 เมื่อพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงาน รองอธิบดีอัยการ และอธิบดีอัยการพิจารณาแล้ว เห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวน โดยสั่งไม่ฟ้องชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 ตามเสนอ และ ผบ.ตร. เห็นชอบตามคำสั่งพนักงานอัยการดังกล่าว

นายประยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 18 พ.ค.พนักงานอัยการได้นำสำนวนไปยื่นฟ้อง พ.ต.ท บรรยิน กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว ซึ่งคดีนี้ไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เพราะถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างฝากขัง

เตรียมเบิกตัวจากคุกสอบปากคำ

สำหรับขั้นตอนต่อไป ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะเบิกตัวจำเลยทั้งหมดมาสอบคำให้การว่า จะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจำเลยจะให้การอย่างไร พนักงานอัยการก็ต้องสืบพยานเพราะเป็นคดีมีโทษ ประหารชีวิต

สำหรับคดีนี้ แม้เป็นคดีฆาตกรรม แต่ทางคดีมีข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ให้ปฏิบัติการอันมิชอบต่อหน้าที่รวมอยู่ด้วย คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 3 พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องรวมทุกข้อหาในคดีนี้ต่อศาลดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลเหตุคดีนี้ สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.บรรยิน ต้องการให้ น.ส.พนิตา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ยกฟ้องความผิดคดีฉ้อโกงหุ้นนายชูวงษ์ จึงใช้วิธีอุ้มฆ่านายวีรชัย พี่ชาย เพื่อข่มขู่ให้ น.ส.พนิตา เกิดความกลัว โดยอุ้มตัวจากบริเวณหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ขึ้นรถยนต์ไปฆ่าเผานั่งยาง ที่ จ.นครสวรรค์

สำหรับคดีโกงหุ้นนายชูวงษ์นั้น ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ให้จำคุก น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล จำเลยที่ 1 รวม 4 ปี จำคุก น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล จำเลยที่ 2 รวม 4 ปี และจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รวม 8 ปี และให้ยกฟ้อง น.ส.ศรีธรา พรหมา จำเลยที่ 4 มารดาของ น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล

ขณะนี้ทั้ง พ.ต.ท.บรรยิน น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล และ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว ทั้งหมด ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ