น้ำมันยังดีดแรง

น้ำมันยังดีดแรง

คาดดัชนีจะสลับอ่อนตัวลงจากความกังวล Tradewar ระหว่างสหรัฐ-จีนที่กดดันหลังสหรัฐสกัดกั้นการส่งออกชิปทั่วโลกให้กับ Huawei ซึ่งจีนอาจมีมาตรการโต้ตอบสหรัฐเช่นกัน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET วันก่อนแกว่งตัวแคบปิดทรงตัวที่ 1,280 จุด (+0.36 จุด) หรือ +0.03% ด้วย Volume ซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าจะมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลง รวมถึงศบค.ผ่อนปรน Lockdown เฟส2 อย่างไรก็ตามดัชนีถูกแรงขาย Sell on fact หลังหลายบริษัทประกาศงบ 1Q20 หดตัวลงแรง ได้แก่กลุ่ม PROP TOURISM และ TRANS ส่งผลให้ดัชนีปิดทรงตัว ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,651 ล้านบาท ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,606 ล้านบาท และ Net Short TFEX SET50 6,790 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลาง – บวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,290 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว เนื่องจากได้แรงหนุนกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 30 US/Barrel ตอบรับคาดการณ์ Demand ที่เพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศผ่อนคลาย Lockdown รวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงของกลุ่มโอเปกพลัส ประกอบกับกระแสตอบรับ Reopening ห้างสรรพสินค้าที่ค่อนข้างคึกคักหลังการผ่อนคลาย Lockdown เฟส2 ของไทยจะเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะสลับอ่อนตัวลงจากความกังวล Tradewar ระหว่างสหรัฐ-จีนที่กดดันหลังสหรัฐสกัดกั้นการส่งออกชิปทั่วโลกให้กับ Huawei ซึ่งจีนอาจมีมาตรการโต้ตอบสหรัฐเช่นกัน นอกจากนี้ควรระวังแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบ 1Q20 ซึ่งจะเป็นตัวฉุดทิศทางดัชนี

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPN, HMPRO, GLOBAL, COM7, DOHOME) อานิสงส์ผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เฟส 2
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, EPG)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTGC (ปิด 41.75 ซื้อ/เป้า 50 บาท) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ระดับ 28-30$/bbl ในปัจจุบันจะทำให้ธุรกิจโรงกลั่นพลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบแล้วใน 2Q20 นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นยังเป็น Sentiment บวกกับธุรกิจปิโตรฯ เพราะ PTTGC จะได้เปรียบต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่านาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที 
  • HMPRO (ปิด 14.2 ซื้อเก็งกำไร / เป้าสูงสุด IAA Consensus 16.50) ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากภาครัฐปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจระยะที่ 2 และอนุญาติให้ ห้างและร้านวัสดุก่อสร้างกลับมาเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก ประชาชนเข้าคิวเราเข้าใช้บริการตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด มองเป็น pend up demand ที่ถูกกักไว้

บทวิเคราะห์วันนี้

CRC (ปิด 34.25 อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและราคาเป้าหมาย), EPG (ปิด 5.1 ซื้อ/เป้า 7.5), MINT (ปิด 18.1 อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและราคาเป้าหมาย), Thailand Strategy (เศรษฐกิจบนเส้นด้าย)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) สรุปผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวมลดลง 50%qoq และ 59%yoy แนวโน้ม 2Q20 ยังไม่ดี: จากการรวบรวบข้อมูลการประกาศงบ 1Q20 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และ MAI ( ณ วันที่ 15 พ.ค.) มีบริษัทประกาศงบแล้ว 700 บริษัท คิดเป็น 79% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดและคิดเป็น 95% ของ Market รวม พบว่ามีกำไรสุทธิ 109,789 ล้านบาท ลดลง 50%qoq และ 59%yoy หลักๆมาจากการลดลงของกำไรในกลุ่มพลังงานซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง แนวโน้ม 2Q20 ยังไม่ดี เนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากมาตรการ lockdown เต็มไตรมาส ส่งผลให้คาดการณ์ EPS (12M Forward) ยังลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 69.7 บาทต่อหุ้น ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ PE (12M Forward) ของ SET เพิ่มขึ้นเป็น 18.3 เท่าใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ 18.4 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่ค่อนข้างแพง ทำให้ Valuation ของตลาดในระยะสั้นค่อนข้างตึงตัว โอกาสไปต่อยังจำกัด
  • (+) วันนี้ สภาพัฒน์ประกาศ GDP 1Q20 Consensus คาด -3.3% จาก +1.6% ใน 4Q19 แนวโน้ม 2Q20 จะยังทรุดหนัก: วันนี้ สภาพัฒน์ จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/20 เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาดว่าจะหดตัว 3.3% จากขยายตัว 1.6% ในไตรมาส 4/19 นับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ปี เป็นผลจากทุกกิจกรรมเศรษฐกิจของไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/20 คาด GDP ของไทยจะทรุดตัวมากขึ้นเพราะจะรับรู้ผลกระทบจากไวรัส Covid-19 เข้ามาเต็มไตรมาส โดยฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงศรีฯ คาด GDP ไตรมาส 2/20 ของไทยจะหดตัวประมาณ 8.3% หากเป็นไปในทิศทางนี้จะทำให้ GDP ของไทยหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน นับเป็นภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะถดถอย (Technical Recession) ปัจจัยนี้จะยังเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นในกลุ่มธนาคาร
  • (+) ราคาน้ำมันดิบบวกต่อรับข่าวจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์: เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 1.87 ดอลลาร์ (+6.8) ปิดที่ระดับ 29.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เช้าวันนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดฟิวเจอร์เพิ่มขึ้นทะลุระดับ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคาดหวังดีมานด์ฟื้นตัวหลังจากประเทศต่างๆทั่วโลกทยอยคลาย lockdown นอกจากนี้ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากด้าน Supply หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบลดลงอีก 35 แท่น สู่ระดับ 339 แท่น ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน (PTTEP, PTT) โรงกลั่น (TOP, SPRC, BCP) และ ปิโตรฯ (PTTGC)