แนวต้าน 1,300-1,315 จุด ยังไม่สามารถผ่านได้?

แนวต้าน 1,300-1,315 จุด ยังไม่สามารถผ่านได้?

ขณะนี้หลายประเทศเตรียมปลดล็อกประเทศ ด้านกราฟดัชนีหุ้นทั่วโลกค่อนข้างไปทางเดียวกัน คือ สร้างจุดต่ำยกสูงขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่ แม้ระยะสั้นจะมีการพักฐานเป็นระยะๆ แต่จาก Indicators ระยะกลาง-ยาวเริ่มยืนยันว่ากำลังจะเปลี่ยนไปเป็นขาขึ้นต่อไป

1.ดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเหตุการณ์ Covid-19 เริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น นับจากการปรับขึ้นจากจุดต่ำสุด 18,086 จุด เป็นบันไดขาขึ้นต่อเนื่อง สร้างจุดสูงสุดที่ 24,792 จุด จึงปรับฐานลงมาในช่วงนี้ โดยแนวต้านที่ 25,000 จุด เป็นแนวต้านจิตวิทยาและ EMA 75 วัน อยู่ที่ 24,365 จุด ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ซึ่งดัชนี DJIA และ Indicators ไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ และเกิดสัญญาณเชิงลบ คือ เกิด Bearish Convergence ทำให้มีการปรับฐานลงมาก่อน

ปัจจัยลบเริ่มมีเข้ามา เช่น ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่มความตึงเครียดด้านการค้ากับจีน IMF : เตรียมปรับลดประมาณการเป้าหมาย เติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงอีกครั้งในเดือน มิ.ย.63 ดัชนีดาวโจนส์ และตลาดหุ้นยุโรป เริ่มปรับตัวลง ภายหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง

2.ทิศทางดัชนีหุ้นโซนเอเชียค่อนข้างไปทางเดียวกับทั่วโลก ที่มีการขายทำกำไรออกมาในช่วงสั้น ไม่ว่าจะเป็นดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยตลาดถูกกดดันหลังเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง

3.ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า (USD/THB) 14-05-2563 อยู่ที่ระดับ 32.12 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่อ่อนค่าต่ำสุดที่ 33.175 บาท/ดอลลาร์ แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่องมาหลายวัน แต่ต่างชาติกลับไม่เข้ามาซื้อ สุทธิ ยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง ยังไม่กลับมาซื้อมากนัก น่าจะรอปัจจัยบวกใหม่ๆ หลังการประกาศงบการเงิน ไตรมาส 1/63 ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

4.อุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมการทบทวนภาวะเศรษฐกิจ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร่วมกับธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้ คาดว่าจะติดลบอย่างแน่นอน ขณะคาดการณ์ลำบาก เนื่องจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว มีคนตกงานแล้ว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแลด้วยการออกมาตรการต่างๆ มาช่วยเหลือและลดผลกระทบให้กับประชาชน

5.สำหรับปัญหาของ บมจ.การบินไทย (THAI) นั้น นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงหารือ ทั้งนี้การล้มละลายเป็นทางเลือกหนึ่ง การฟื้นฟูก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องล้มละลายก่อนถึงจะฟื้นฟู เป็นคนละเรื่องกัน แต่วันนี้ยังไม่ได้สรุป โดยสุดท้ายคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้

6.ไทย : Updated ณ วันที่ 13 พ.ค. 2563 ศบค. รายงาน 1) จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ มีจำนวน 0 ราย (Vs วันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ 2 ราย) จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สะสมรวม 3,017 ราย 2) จำนวนผู้เสียชีวิต 0 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมรวม 56 ราย ทำให้มีโอกาสสูงที่จะผ่อนปรนให้เปิดธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น

7.MSCI ประกาศ ไทยถูกปรับเพิ่ม/ลดน้ำหนัก มีผล 29 พ.ค.63, (-) ไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงสู่ 2.36% จาก 2.39%, ดัชนี MSCI Thailand Index หุ้นที่เข้าและออกในการคำนวณ หุ้นเข้า AWC, BAM, KTC หุ้นที่นำออกจากการคำนวณ BANPU ดัชนี MSCI Global Small Cap หุ้นเข้า BANPU หุ้นที่นำออก จากการคำนวณ ANAN, BEAUTY, BEC, ERW, GGC, ITD, LPN, PLAT, PSL, GLOBAL, SVI, TTA, U, UNIQ, UV, WORK มีผลในการ ปรับน้ำหนักวันที่ 29 พ.ค.2563 

8.เทศกาลบริษัทจดทะเบียน ทยอยประกาศงบการเงินและจ่ายปันผลประจำ ไตรมาส 1/63 อาทิเช่น AOT BCH BEM BJC CENTEL CRC ERW GULF LH RATCH STA THG ให้เลือกศึกษางบการเงินโดยด่วน

9.SET Daily 14-05-2563 ปิดที่ 1,280.40 จุด (-14.15 จุด -1.09%) โดยที่ EMA 5 วัน = 1,285 จุด EMA 10 วัน = 1,279 จุด 25 วัน = 1,256 จุด, EMA 50 วัน = 1,270 จุด EMA 75 วัน = 1,308 และ EMA 200วัน = 1,445 จุด ตามลำดับ หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุด 969.08 จุด เมื่อวันที่ 13/03/2563 SET สร้างจุดต่ำยกสูงขึ้น และดัชนีราคาหุ้นไทยสามารถยืนเหนือ EMA 5, 10 วัน ได้เกิดสัญญาณบวก

หาก SET ปรับตัวลดลงมา ไม่ควรหลุดแนวรับสำคัญ คือ 1,250 และ 1,230 จุด 

10.SET Daily และ Indicators โดยที่ Slow Stochastic ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมานาน แตะระดับสูงสุดถึง 92% เข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) และเริ่มสั่งเป็นสัญญาณขายลงมา ทำให้ระยะสั้นมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงมาก่อน แต่ถ้าหากดัชนีหุ้นไทยสามารถตีผ่านแนวต้าน 1,300-1,314 จุด ได้ Slow Stochastic จะกลับมาเป็นสัญญาณซื้ออีกครั้ง เพื่อจะมาทดสอบบริเวณ 85-100%

สรุป หลายๆ ประเทศเตรียมปลดล็อกประเทศ เพื่อผ่อนคลายมาตรการต่างๆ หลังจากทั่วโลก น่าจะผ่านพ้นจุด Peak ทั้งอัตราการติดเชื้อลดลง ผู้เสียชีวิตลดลง นโยบายต่างๆ ทั้งนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง เริ่มทยอยๆ ออกมาทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

กราฟของดัชนีหุ้นทั่วโลกค่อนข้างไปทางเดียวกัน คือ สร้างจุดต่ำยกสูงขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่ แม้ระยะสั้นๆ จะมีการพักฐานเป็นระยะๆ แต่จาก Indicators ระยะกลาง-ยาว (Weekly, Monthly) ได้ เริ่มยืนยันว่ากำลังจะเปลี่ยนไปเป็นขาขึ้นต่อไป

ดังนั้น การปรับฐานระยะสั้นๆ น่าจะเป็นโอกาสของการทยอยซื้อหุ้น สำหรับคนที่ตกรถช่วงกลางเดือนพฤษภาคม บริษัทจดทะเบียนจะทยอยๆ ประกาศงบการเงิน ไตรมาส 1/63 ดัชนีอาจปรับฐานสำหรับบางบริษัท ให้ทุกๆ ท่านทำการบ้าน เลือกหุ้นที่มีอนาคตดี ไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 หรือมีผลกระทบน้อย และปรับตัวได้หลังเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านไป