'อีเอ' ลุยรถยนต์ไฟฟ้าภาคขนส่ง อัดงบ '1.5 พันล้าน' ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 'เน็กซ์ พอยท์'

'อีเอ' ลุยรถยนต์ไฟฟ้าภาคขนส่ง อัดงบ '1.5 พันล้าน' ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 'เน็กซ์ พอยท์'

"พลังงานบริสุทธิ์" ทุ่มเงิน 1.5 พันล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุน "เน็กซ์ พอยท์" หวังต่อยอดธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่ง มองศักยภาพเติบโตสูง มีดีมานด์ปีละหลายหมื่นคัน หวังส่วนแบ่งตลาด 10% คาดผลประกอบการปีนี้โตต่อเนื่อง หนุนจากโรงไฟฟ้าเดินเครื่องเต็ม 100%

บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) เตรียมออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1.07 พันล้านหุ้น ที่ราคา 2.20 บาทต่อหุ้น เพื่อเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด โดยหนึ่งในนั้นคือ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ซึ่งจะเข้าซื้อหุ้นไม่เกิน 670 ล้านหุ้น ในมูลค่าไม่เกิน 1,474 ล้านบาท

ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้กับ นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา จำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 660 ล้านบาท และนายบุญเอื้อ จิตรถนอม จำนวนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 220 ล้านบาท

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า การตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน NEX ในครั้งนี้ เพราะบริษัทต้องการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่ง NEX จะเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าให้กับบริษัท ในส่วนของรถที่ใช้สำหรับการขนส่ง อาทิ รถบรรทุก รถบัส และรถหัวลาก

“ก่อนหน้านี้ EA พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบส่วนบุคคลอยู่แล้ว ขณะที่ NEX ก็อยู่ใน segment ของรถสำหรับขนส่ง ซึ่งเป็น segment ที่บริษัทสนใจจะขยายต่อไป เพราะเป็นส่วนที่เรามองว่ามีโอกาสทางธุรกิจอยู่ แต่ยังไม่มีคนพูดถึงมากนัก เชื่อว่าแต่ละปีน่าจะมีดีมานด์หลายหมื่นคัน ซึ่งเราก็หวังว่าจะเข้าไปมีส่วนแบ่งราว 10%”

ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล เดิมทีบริษัทมีแผนจะส่งมอบให้กับสหกรณ์แท็กซี่ราว 3.5 พันคัน เริ่มต้นในช่วงเดือน พ.ค.นี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การส่งมอบเลื่อนออกไปเป็นช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ สำหรับยอดขายจากส่วนนี้น่าจะอยู่ที่เกือบ 4 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าไปถือหุ้น NEX ผ่านบริษัทย่อย คือ อีเอ โมบิลีตี โฮลดิง (EMH) โดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 40.013% ซึ่งข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ NEX ที่สัดส่วน 25% และ EMH มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ NEX ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท EA จึงได้มีมติอนุมัติให้ EMH ขอผ่อนผันดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจกา (Whitewash)

“การเข้าถือหุ้น NEX ในครั้งนี้ บริษัทต้องการที่จะหาพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic partner) และไม่ได้มีแผนจะเข้าเทคโอเวอร์แต่อย่างใด ทำให้บริษัทตัดสินใจใช้สิทธิผ่อนผันการทำเทนเดอร์ โดยบริษัทจะพิจารณาในเรื่องของการส่งผู้บริหารเข้าไปร่วมบริหารงานแทน”

สำหรับภาพรวมของธุรกิจในปีนี้ คาดว่าผลประกอบการน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2562 ได้ แรงหนุนจากธุรกิจโรงฟ้าพลังงานลม ซึ่งดำเนินการเต็ม 100% รวมถึงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ได้แรงหนุนจากธุรกิจไบโอดีเซลที่ทำได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 2 นี้ ธุรกิจไบโอดีเซลได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลลดลง ขณะที่ราคาปาล์มในตลาดก็ลดลงเช่นกัน

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 241.34 ล้านบาท หรือ 19.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,210 ล้านบาท หลังจากบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจำนวน 4,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,672.96 ล้านบาท หรือ 54.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,088 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น คือ การรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ โดยพลังงานลมขนาด 260 เมกะวัตต์ เริ่มเปิดดำเนินการช่วงไตรมาส 1 - 2 เมื่อปีก่อน รวมทั้งแรงลมที่ดีขึ้นในปีนี้ทำให้ประสิทธิภาพการทำกำไรดีขึ้น 

ขณะที่รายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล เติบโตสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 120% ผลมาจากราคาขายน้ำมันไบโอดีเซลที่สูงขึ้น ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบที่เป็นวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากภาครัฐส่งเสริมการใช้น้ำมัน B10 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเริ่มเน้นศึกษาโครงการ Biomass และ Biogas มากขึ้น และเพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง