‘คลายล็อก’ บทพิสูจน์รัฐ สู้สงครามเชื้อโรค

‘คลายล็อก’ บทพิสูจน์รัฐ สู้สงครามเชื้อโรค

นับเป็นข่าวดีที่สถานการณ์โควิด-19 มีทิศทางดีขึ้น ทำให้วันนี้รัฐบาลได้คลายล็อกดาวน์ ทั้งการลดเวลาเคอร์ฟิว การปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหญ่ๆ ซึ่งจะเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่การควบคุมโรคระยะผ่อนคลายต้องมีประสิทธิผล ไม่ให้ระบาดซ้ำ

และแล้วรัฐบาลก็ตัดสินใจลดเวลาเคอร์ฟิวจาก 22.00 น. ถึง 04.00 น. มาเป็น 23.00 น. ถึง 04.00 น. และปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหญ่ๆ อย่างห้างสรรพสินค้าที่อนุญาตให้เปิดบริการได้แล้ว แต่ปรับเวลาขึ้นมาเป็น 10.00 น. ถึง 20.00 น. ขณะเดียวกัน ยังมีการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมอีกหลายประเภท เช่น กีฬาบางประเภทที่ไม่ได้เล่นเป็นทีมและมีคนจำนวนมาก แต่กีฬาฟุตบอล วอลเลย์บอล และบาสเกตบอลยังไม่ได้ผ่อนคลายให้ เพราะเป็นกีฬาที่มีผู้แข่งขันเกิน 3-5 คน ขณะเดียวกัน มีการผ่อนปรนสถานเสริมความงามบางประเภทด้วย

มาตรการคุมเข้มรัฐบาลไทยในการต่อสู้กับสงครามเชื้อโรค ที่ยังไม่มีวัคซีนในการรักษา ตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา นับว่า ‘ท้าทาย’ อย่างมาก เพราะการหยุดทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกกลุ่ม ทุกประเภท หยุดอยู่บ้าน หวังหยุดเชื้อการแพร่ระบาด ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล

แต่เราก็แลกมาด้วยมาตรการคุมการระบาดที่ได้รับการยอมรับและทำให้การแพร่เชื้อแต่ละวัน “เราเอาอยู่” ตัวเลขการติดเชื้อมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้รัฐตัดสินใจเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก ผู้ประกอบการได้กลับมาสร้างรายได้ ผู้บริโภคออกมาจับจ่าย เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แม้ยังไม่เต็มรูปแบบ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะทำให้ประเทศมีภาวะสุญญากาศทางเศรษฐกิจลากยาวออกไปเรื่อยๆ

ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. วานนี้ (15 พ.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำเสนอรายงานการคาดการณ์รูปแบบการระบาดโรคโควิด-19 จำนวน 3 ฉากทัศน์ ซึ่งประมาณการถึงวันที่ 30 ก.ย.2563 พบว่า ฉากทัศน์แรก คือ ใช้สถานการณ์ปัจจุบันที่มีการควบคุมโดย พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้มีการปิดกิจการหลายอย่าง ประมาณการถึง ก.ย. คาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ 3 คนต่อวัน ผู้ป่วยวิกฤติ 15 คน ที่ต้องเข้า รพ. ทำให้ รพ.สามารถยังรับได้ไหว

ฉากทัศน์ที่สอง มีการผ่อนปรนบ้าง ซึ่งการผ่อนปรนขึ้นมามีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นแน่ ประมาณการว่าจะมีการติดใหม่ประมาณ 24 คนต่อวัน ผู้ป่วยวิกฤติ 105 คน ปริมาณยังพอรับไหว และฉากทัศน์ที่สาม หากผ่อนมากๆ คลายมากๆ เปิดทุกกิจการกิจกรรมจะเกิดติดเชื้อรายใหม่มากขึ้น 65 คนต่อวัน คนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 289 คน

ทั้ง 3 ฉากทัศน์เป็นเหมือนโจทย์ใหญ่สำคัญ ที่พวกเราทุกคนยังต้องตระหนัก ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข การจะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยไม่สูง คือ ต้องลดการแพร่กระจายเชื้อในชุมชนมากกว่า 70% ขึ้นไป ขณะที่มาตรการควบคุมโรคระยะผ่อนคลาย ‘ต้องมีประสิทธิผล’ จึงจะไม่เกิดการระบาดใหม่ซ้ำ ต้องติดตามให้การแพร่กระจายเชื้อในชุมชนต่ำกว่า 50% ของอัตราการแพร่กระจายเชื้อในชุมชนในระยะก่อนมีมาตรการระยะสั้น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จะช่วยประเทศไทยเลี่ยงการระบาดใหญ่อีกรอบหนึ่งได้