KCE - ถือ

KCE - ถือ

ปีที่ยากลำบาก

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ยอดขายอ่อนแอจากสถานการณ์ระบาดของ Covid-19

บริษัทปรับลดประมาณการยอดขายในสกุลดอลลาร์ปีนี้ลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 10%-15% YoY เป็นหดตัว 10% YoY หลังจากที่ IHS คาดว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะลดลง ~20% YoY ในปี 2563 เนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น 15% YoY ทั้งนี้ ผู้บริหารบอกว่ายอดขายใน 2Q63 อาจจะหดตัวถึง 20%-30% YoY ซึ่งเป็นระดับที่เลวร้ายสุดในรอบปีนี้ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่หยุดกิจการในเดือนเมษายนจากการปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป้ าใหม่ของบริษัทใกล้เคียงกับสมมติฐานยอดขายของเรา ดังนั้น เราจึงยังคงสมมติฐานยอดขายปีนี้เอาไว้ที่ 350 ล้านเหรียญ (-11% YoY)

อัตรากำไรยังไม่แน่นอน

อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q63 น่าประทับใจอยู่ที่ 24% แต่เรามองว่าการจะรักษาระดับนี้ไว้เป็นความท้าทายเพราะยอดขายอาจจะตกแรงใน 2Q63 ทำให้ยอดการผลิตต่ำกว่าระดับ optimal ทั้งนี้ การปิดโรงงานหนึ่งแห่งชั่วคราว (~15% ของกำลังการผลิต) อาจจะช่วยพยุงอัตรากำไรเอาไว้ได้ในช่วงที่สถานการณ์ไม่
เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนอยู่บ้าง ได้แก่ i) เงินบาทที่อ่อนค่าลง ii) ราคาทองแดงลดลง (ราคาทองแดงเฉลี่ย YTD อยู่ที่ US$5,600/ton จาก US$6,100/ton ในปี 2562) ซึ่งจะช่วยพยุงผลประกอบการไว้ ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนใน 2Q63 ผู้บริหารจึงมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะ
จำกัด โดยผู้บริหารประเมินอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2562 ไว้ที่ 20.3% ในกรณีฐาน ซึ่งใกล้เคียงกับสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 20.0%

คงประมาณการกำไรปี 2563 เอาไว้เท่าเดิม

ถึงแม้ว่าผลประกอบการใน 1Q63 จะคิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา แต่เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้เอาไว้ที่ 828 ล้านบาท เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการจะแย่ลงอย่างมากใน 2Q63 และจะฟื้นตัวขึ้นใน 2H63 เราคิดว่าราคาหุ้นที่ลดลงใน 2Q63 จะเป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้จากประเด็นการ
ฟื้นตัวของผลประกอบการในครึ่งหลังของปีบวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1% จะหนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10%

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” และให้ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 17.50 บาท อิงจาก PER ที่ 19.5x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +1.5 S.D.)

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น ขาดแคลนวัตถุดิบเงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานค่าเงินบาทปี 2563-64 ที่ 31.90 บาท/US$ in 2020-2021)