ศก.สหรัฐยังมีความเสี่ยง

ศก.สหรัฐยังมีความเสี่ยง

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวร่วงลงกว่า 5 จุด โดยในระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวผันผวนในแดนบวกสลับลบก่อนมีแรงขายทำกำไรในภาคบ่าย

ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค จากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง หากมีการเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไป ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,294.55 จุด (-5.14 จุด) Volume 6.2 หมื่นลบ. ต่างชาติ -4,028.97 ลบ. TFEX Net +3,120 สัญญา ตราสารหนี้ +6,009 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 516.81 จุด -2.17% หลังจากนายเจอโรมพาวเวล ประธานเฟดเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ศก.สหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงในช่วงขาลง

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 49 เซนต์ -1.9% ปิดที่ 25.29 ดอลลาร์/บาร์เรลกังวลแนวโน้มศก.และอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกบดบังปัจจัยบวกสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด

-สหประชาชาติ (UN) คาดเศรษฐกิจโลกหดตัว 3.2% ปีนี้จากพิษโควิด-19

-ทองคำปรับตัวขึ้นหลังเฟดเตือนความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ

+พาวเวลยืนยันเฟดไม่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ

-สหรัฐเผยดัชนี PPI ดิ่งแรงกว่าคาดในเม.ย. ขณะโควิด-19 กระทบอุปสงค์

+/- จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกใกล้แตะ 4 ล้านราย ตายเกือบ 3 แสนราย สหรัฐติดเชื้อสูงสุด 1.4 ล้านราย เสียชีวิตมากที่สุด 8.3 หมื่นราย  ส่วนสถานการณ์ในไทยวานนี้ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 6.49 จุด +0.22% เช้านี้เปิด -10.99 จุด

-ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 99.43 จุด -0.49% เช้านี้เปิด -126.56 จุด

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.8 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.07 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนเม.ย.

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลง หลังประธานเฟด เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงในช่วงขาลง ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามผลสรุปการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,280-1,300 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

KCE Analyst meeting (ชะลอลงทุน Bloomberg Consensus 17.35)

-คาด 2Q63 ยอดขายได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ในยุโรป สหรัฐและเอเชีย โดยโรงงานลูกค้าราว 46% จาก 240 โรงานปิดทำการ ซึ่งกระทบกับปริมาณการขายของบริษัท บริษัทจึงตัดสินใจปิดโรงงานที่บางปูชั่วคราวตั้งแต่ 7 พฤษภาคม 63 คาดช่วยลดต้นทุนได้ 10-15 ล้านบาทต่อเดือน

-Automotive news Europe คาดว่ายอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกจะลดลง 20% สู่ 71 ล้านคันจากผลกระทบของ COVID-19 โดยเดือนเมษายนเป็นเดือนที่ยอดผลิตรถยนต์ต่ำที่สุด และค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และจะฟื้นตัวเร็วขึ้นในครึ่งปีหลัง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขาย PCB ของบริษัท

- ความเห็น เราแนะนำให้ ชะลอลงทุน มีมุมมองเชิงลบต่อผลประกอบการ 2Q63 โดยยอดขายจะแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ซึ่งคาดว่าจะลดลง 20-30% จากไตรมาส 1 ขณะที่กำลังการผลิตจะลดลงจากการปิดโรงงานบางปูชั่วคราวแต่ค่าเสื่อมราคาจะยังบันทึกในค่าใช้จ่ายในการบริหาร อย่างไรก็ตามมีปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า และต้นทุนการผลิตจะลดลงตาม

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI Global Standard (AWC BAM KTC) มีผล 29 พ.ค. 
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หากมีการเปิดปลดล็อกดาวน์เฟส 2 ได้แก่ หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรด (CRC MBK CPN SF HMPRO DOHOME MC RSP COM7 JMART) หุ้นกลุ่มร้านอาหาร (AU M ZEN MINT) และหุ้นในกลุ่มบริการสปา (SPA)

หุ้นมีข่าว   

(-) III – Analyst Meeting รายงานกำไร 1Q63 เท่ากับ 22.5 ลบ. -47%YoY โดยมีรายได้เท่ากับ 407.6 ลบ. -40%YoY เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การบริการขนส่งทางอากาศซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 57% หดตัวกว่า ส่วนการขนส่งทางทะเลคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 2% หดตัวกว่า 46% เนื่องจากตัวแทนสายการเดินเรือรื่อจ้าว (Rizhao) หยุดให้การดำเนินงานตั้งแต่ ม.ค.63 อย่างไรก็ดี %GPM ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 21.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 16.7% เนื่องจากธุรกิจการลดลงของรายได้ในธุรกิจกาขนส่งทางอากาศที่มีมาร์จิ้นต่ำ

(-) แนวโน้ม 2Q63 ยังถูกกระทบจากธุรกิจการขนส่งทางอากาศต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ผบห.เตรียมปรับแผนลดต้นทุน และให้บริการในรูปแบบการเช่าเหมาลำ รวมถึงเพิ่มการขนส่งสินค้าข้ามแดนทางบก (Cross Boarder) เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและการขนส่งทะเลจากสายการเดินเรือรื่อจ้าวที่หยุดให้บริการ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมแผนพัฒนาธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์

(+) ล่าสุด บอร์ด III อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนจากตลท.ใช้เงินไม่เกิน 50 ลบ. โดยมีจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 10 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 1.64% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในช่วง 27 พ.ค.-26 พ.ย.63

NOBLE Conference Call (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 16.30) 1Q63 มีกำไรสุทธิ 411 ล้านบาท -69%YoY เนื่องจากรายได้ -41%YoY ไม่มีรายได้จากการขายที่ดินรอการพัฒนา อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 41% จาก 57% และอัตรากำไรสุทธิลดเหลือ 19% จาก 35.5%  ใน 1Q62 Net IBD/E ลดเหลือ 1.42 เท่าจาก 1.58 เท่า ณ ปลายปี 62 ปลายมี.ค.มี backlog 1.54 หมื่นล้านบาท ราว 47% คิดเป็น 7.3 พันล้านบาทจะโอนภายในปีนี้ โดยมี 3 โครงการที่จะสร้างเสร็จใน 3Q63 สินค้าพร้อมขายมูลค่ารวม 1.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งผุ้บริหารเชื่อว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงเป้า 1 หมื่นล้านบาท

ความเห็น NOBLE ยังน่าสนใจในสายตานักลงทุนจาก yield สูง 18 พ.ค.กำหนด XD เงินปันผล 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็น yield 15.9% วันจ่าย 28 พ.ค. แนะนำถือรับเงินปันผล

(+) BGC (Bloomberg Consensus 12.60 บาท) มั่นใจรายได้ 5 ปี (ปี 67) พุ่งแตะ 2 หมื่นล้านบาท มุ่งหาธุรกิจเกี่ยวเนื่อง-พลังงานเสริมแกร่ง เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้อีกครั้งหลังโควิดคลี่คลาย พร้อมซุ่มเจรจาซื้อธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง-พลังงาน 7-8 ดีล คาดสรุปปีนี้ 1-2 ดีล ฟากบอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.12 บาท ขึ้น XD วันที่ 25 พ.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(-) AAV (Bloomberg Consensus 1.91 บาท)   ปิดงบไตรมาส 1/63 อ่วม! พลิกขาดทุน 671 ล้านบาท รับผลกระทบ COVID-19 ฉุดรายได้ลด 19% ผู้โดยสารร่วง 23% มี Load factor เฉลี่ย 84% ลดลง 6 จุด ประเมินทั้งปี 63 ผู้โดยสารลด 51%  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) OSP (Bloomberg Consensus 41.53 บาท) ประกาศผลงานไตรมาส 1/63 ทำกำไรสุทธิ 926 ล้านบาท โต 4.20% และมีรายได้จากการขาย 6,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาดรวม 54% ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) UTP (Bloomberg Consensus 12.80 บาท) โตสวนกระแสโควิด อวดผลงานไตรมาสแรก พุ่ง 54% ทะลุ 305.57 ล้านบาท รายได้จากการขายเพิ่มเป็น 937.26 ล้านบาท หลังปริมาณขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SIS (Bloomberg Consensus - บาทแย้มคลายล็อกเปิดห้างกลางเดือนพฤษภาคมนี้ หนุนครึ่งหลังปี 2563 ผลงานสดใส แถมอวดกำไร Q1/2563 พุ่งทะลุ 38% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 130.23 ล้านบาท อานิสงส์ฐานโซลูชั่น-มือถือโตต่อเนื่องแถมยิ้มรับเทรนด์ WFH หนุนยอดขายพุ่ง แจงบาทอ่อนค่าไม่กระทบ ระบุทำฟอร์เวิร์ดป้องกันความเสี่ยงไว้แล้ว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITEL (Bloomberg Consensus 2.96 บาท)  กวาดรายได้ไตรมาส 1/2563 ที่ 460.65 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ฟากผู้บริหารปรับกลยุทธ์ชูทิศทางการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับ New Normal พร้อมเดินหน้าลุยงานต่อเนื่อง มองครึ่งปีหลังจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รับอานิสงส์จากงานภาครัฐและเอกชน (ที่มา ทันหุ้น)