'กรุงศรี' มองตลาดตราสารหนี้ฟื้น ลุยออกกองทุนใหม่เสนอขาย 19-26 พ.ค.นี้

'กรุงศรี' มองตลาดตราสารหนี้ฟื้น ลุยออกกองทุนใหม่เสนอขาย 19-26 พ.ค.นี้

"บลจ.กรุงศรี" ชี้สถานการณ์ไฮยิลด์บอนด์ พ้นจุดเลวร้ายสุดแล้ว ตลาดทุน-ตราสารหนี้ มีเสถียรภาพมากขึ้น เผยเป็นจังหวะเข้าลงทุน คาดผลตอบแทน12เดือนข้างหน้า มากกว่า 20% ลุยออกกองทุนใหม่ "KFDIVERSE" เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ IPO 19-26 พ.ค.นี้

นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการร์ตราสารหนี้ประเภทไฮยิลด์ ได้ผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้ว ขณะที่ตลาดทุนและตลาดพันธบัตรมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้ามาดูแลตลาดตราสารหนี้ ทำให้เครดิตสเปรดของหุ้นกู้ไฮยิลด์ปรับขึ้น จาก 4% ขึ้นไปสูงถึง 12% ในช่วงต้นปี ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8-9%  ดังนั้นการถือตราสารหนี้กลุ่มนี้ในอีก12เดือนข้างหน้า มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า 20% จากดอกเบี้ยและส่วนต่างราคา

"ปีนี้คงเป็นปีที่ยากลำบากของนักลงทุน แต่มองว่าเป็นการปรับตัวลดลงแค่ในระยะสั้น ขณะที่ทิศทางของกองทุนยังคงมีคุณภาพ เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวและสร้าผลตอบแทนที่ดี อยากให้อดทนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางและยาว" 

เขากล่าวว่า ล่าสุด บลจ.กรุงศรีได้ออกกองทุนใหม่ คือ กองทุนเปิดกรุงศรี ไอเวอร์ซิไฟด์อินคัม (KFDIVERSE) เตรียมเปิดขายครั้งแรก (IPO) วันที่19 -26พ.ค.นี้ เป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เน้นการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพ ไฮยิลด์ ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ โดยมีกองทุนพิมโก้ เป็นกองทุนหลักในการเข้าลงทุนในต่างประเทศ (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายการบริการจัดกองทุนที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพดี สามารถสร้างผลตอบได้สูงกว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนสามารถใช้กองทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตลงทุนหลักเพิ่มเติมได้

นายแมทธิว ลีวาส ผู้อำนวยการอาวุโส และนักวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ภาคเอกชน พิมโก้ เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และความไม่แน่นอนในตลาดโลก ในส่วนของการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนได้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศของกองทุนพิมโก้ เน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจ เจาะลึกและวิเคราะห์สถานการณ์เลวร้ายที่สุด  พิจารณาสภาพคล่องของสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภท ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี และผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ รวมถึงยังจำกัดโอกาสที่จะขาดทุนน้อยกว่าตลาด ปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ของพิมโก้ ยังสามารถบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้ดีมากกว่าเมื่อเทียบกับตลาด สร้างผลตอบแทนคาดหวังในระดับ6.3%ต่อปี