“โรงแรม”ชง4ข้อเสนอนายกฯ หนุนสัมมนารัฐกระตุ้นใช้จ่าย

นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาพบและหารือร่วมกับคณะกรรมการของทีเอชเอ จึงได้ขอให้ทางนายกฯเร่งกระตุ้นภาคธุรกิจให้กลับมาเร็วที่สุด ผ่านข้อเสนอ 4 เรื่องหลัก

เรื่องแรกคือ การกระตุ้นดีมานด์หรือความต้องการใช้บริการโรงแรม ด้วยการขอให้รัฐบาลจัดงบประชุมสัมมนาของภาครัฐ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จัดประชุมสัมมนาข้ามจังหวัด พร้อมขอให้มีมาตรการทางภาษีให้บริษัทเอกชนนำค่าใช้จ่ายจากการจัดประชุมสัมมนาไปหักลดหย่อนภาษีได้2เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่1ก.ค.2563-31ธ.ค.2564 นอกจากนี้ยังขอให้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวไปหักภาษีรายได้ส่วนบุคคลได้2เท่า ในวงเงิน 3 หมื่นบาทต่อปี ในระยะเวลาเดียวกัน โดยทั้งหมดต้องเข้าพักโรงแรมที่ถูกกฎหมายเท่านั้น

เรื่องที่2ขอให้รัฐบาลเข้มงวดโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาใช้โรงแรมที่ถูกกฎหมาย โดยเวลาจับกุมขอให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรงแรม และพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และทุกครั้งให้ระงับการใช้อาคารด้วย พร้อมกับเสนอให้เพิ่มโทษแก่โรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตจากจำคุก1ปี ปรับ2หมื่นบาท และปรับเพิ่มอีกวันละ1หมื่นบาท ขอให้เปลี่ยนการปรับเป็น2หมื่นถึง2แสนบาท รวมทั้งขอให้การโฆษณาโรงแรมรวมทั้งการขายผ่านระบบออนไลน์ จะต้องใส่หมายเลขผู้ประกอบการด้วยทุกครั้ง

เรื่องที่3ขอให้ออกมาตรการภาษีสนับสนุนการลงทุนเพื่อพัฒนาปรับปรุงโรงแรม การลงทุนในด้านสุขอนามัย เช่น การหมุนเวียนของอากาศภายในอาคาร เพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19รวมถึงการลงทุนซื้อเครื่องจักรต่างๆ รวมทั้งเครื่องจักรที่ช่วยประหยัดพลังงาน โดยให้โรงแรมสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนไปหักภาษีได้3เท่า สำหรับการลงทุนตั้งแต่วันที่1มี.ค.2563-31ธ.ค.2564

และเรื่องที่4ขอเลื่อนการจ่ายภาษีตาม พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในช่วงการปิดกิจการโรงแรมชั่วคราว เพราะเดิมการจ่ายตามภาษีโรงเรือนจะคิดจากรายได้ ขณะที่ตามกฎหมายใหม่คิดจากมูลค่าที่ดินของโรงแรม

“สมาคมฯยังได้ขอให้รัฐบาลออกแนวทางปฏิบัติให้กับสำนักงานประกันสังคมแต่ละจังหวัด เพราะตอนนี้มีหลายจังหวัดยังไม่ได้วินิจฉัยการว่างงานที่มาจากเหตุสุดวิสัยให้กับลูกจ้างของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราว เพื่อจ่ายเงินชดเชยกรณีว่างงานให้62%ของค่าจ้างรายวัน โดยอ้างว่าส่วนกลางยังไม่ให้แนวปฏิบัติมา จึงยังไม่สามารถวินิจฉัยได้”