'บิ๊กตู่' เตือน 'ยิงเลเซอร์' อย่าเคลื่อนไหวสร้างความสับสน

'บิ๊กตู่' เตือน 'ยิงเลเซอร์' อย่าเคลื่อนไหวสร้างความสับสน

"บิ๊กตู่" ซัดยิงเลเซอร์สถานที่เกี่ยวข้อง พ.ค.53 ไม่เหมาะสม ในช่วงประชาชนเดือดร้อนโควิด เตือนอย่าเคลื่อนไหวสร้างความสับสน พร้อมลั่นรับไม่ได้ ภาพคนแย่งสิ่งของตู้ปันสุข ขอทุกคนช่วยกันแบ่งปัน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ได้พบปะครม.แบบเต็มคณะ การพบกันครั้งนี้เหมือนเป็นการเปิดเทอมได้พบหน้ากัน บรรยากาศเป็นที่หน้ายินดี ที่ทุกคน ยังคงแข็งแรงอยู่

ส่วนกรณีเกิดเหตุยิงแสงเลเซอร์ ตามสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ พฤษภาคม 2553 พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า เป็นสถานการณ์ความมั่นคง ส่วนตัวไม่ขอตอบ โดยต้องไปพิจารณาดูว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ แต่ในช่วงเวลานี้ตนมองว่าไม่เหมาะสม ที่นำหลายเรื่องมาพัวพัน ซึ่งรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างเร่งด่วนอยู่

ส่วนการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ย้ำว่าเป็นเรื่องของศบค.พิจารณา แต่ต้องคำนึงถึงด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ส่วนใครจะทำโพลก็เป็นเรื่องของโพลนั้น ซึ่งขอปฏิเสธว่า ตนไม่ได้สั่งการให้ใครไปจัดทำ พร้อมย้ำว่า การพิจารณาต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะดูในตัวเลขของผู้ติดเชื้อ แม้หากจะเป็นศูนย์ แต่ก็จะนิ่งนอนใจไม่ได้ รวมถึงดูความร่วมมือในการที่จะไม่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขึ้น โดยถ้าหากอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ก็จะเข้าสู่การปลดล็อคระยะที่2-3

พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกถึงกรณีแผนฟื้นฟูการบินไทย ว่า วันนี้ยังไม่ได้มีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม. แต่ขอย้ำว่าการบินต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟู ที่มีประสิทธิผล โดยต้องเกี่ยวข้องกับกฏหมายหลายตัว ดังนั้นจึงขอบุคลากรทั้งในและนอก ที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกัน เพราะไม่อย่างนั้นจะไปกันไม่ได้ และทุกคนก็จะไม่มีอาชีพ นั่นจะเป็นการล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น แต่ยอมรับว่าทั้งหมดนี้ยังต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอนก่อนจะเข้าสู่ที่ประชุมครม. โดยขอย้ำว่า เเผนการฟื้นฟูต้องครบถ้วน พร้อมยืนยัน ตนไม่ได้ขัดแย้งหรือมีผลประโยชน์กับใครในการบินไทยแต่อย่างใด

พล.อ.ประยุทธ์ ยังชื่นชมพร้อมขอบคุณภาคเอกชนที่ได้ช่วยกันดูแลประชาชน อย่างการจัดตู้แบ่งปัน แต่ก็ขอเตือนว่า ผู้ที่รับของเหล่านั้นต้องสร้างจิตสำนึก โดยขอให้เฉลี่ยแบ่งปันกัน ซึ่งภาพการเเย่งของที่ออกมานั้น ตนรับไม่ได้ ขออย่าให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย ต้องนึกถึงคนอื่นด้วย โดยถ้าทำอย่างนั้นต่อไปจะไม่มีคนมาบริจาคอีก ทำให้คนอื่นก็จะไม่ได้ไปด้วย ถ้าช่วยกันดูแล เชื่อว่า มีคนพร้อมที่จะบริจาคสิ่งของใส่ตู้แบ่งปัน ทั้งนี้ต้องทำให้สบายใจทั้งผู้รับและผู้ให้

พล.อ.ประยุทธ์ ยังเปิดเผยว่า วันที่15 พ.ค. นี้ศบค.จะไปตรวจเยี่ยมในสถานที่ ที่เตรียมปลดล็อคระยะที่2 ว่ามีแผนปฏิบัติตามมาตรการของรัฐครบถ้วนหรือไม่ เพื่อเป็นแบบอย่างให้สถานประกอบการ อื่นๆนำไปใช้ พร้อมเตือนว่า อะไรที่เปิดได้ก็ปิดได้ ซึ่งที่ต้องพูดแบบนี้เพื่อป้องกันคนลืมตัว ไม่รักษาระยะห่าง ไม่สวมหน้ากากอนามัย

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขออย่าเคลื่อนไหวอย่างอื่นให้สับสนวุ่นวายอีกเลย และประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนการทำงานอย่างไร หรือกรณีมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาทำให้เกิดความวุ่นวายในเวลานี้ โดยตนต้องการความรักความสามัคคีของทุกคนที่เป็นคนไทย และส่วนใหญ่ก็ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อการเมือง แต่ทำให้คนไทยที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ส่วนใครที่ไม่เดือดร้อนก็ขอให้ช่วยกันดูแลคนที่เดือดร้อนด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณภาคธุรกิจ ทุกภาคส่วนที่มีการดูแลลูกจ้างพนักงานมากพอสมควร ซึ่งในส่วนของรัฐบาลก็พยายามจะดูแลให้มากที่สุด แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยข้อกฎหมายหลายตัวด้วยกัน พร้อมย้ำว่า“ เราจะต้องรอดไปด้วยกันด้วยความรักความสามัคคี เผื่อแผ่แบ่งปันน้ำใจให้กันและกันนั่นคือ New normal ใหม่ของประเทศไทย”