แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่

แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่

ความผันผวนจากการประกาศงบ 1Q20 ที่คาดว่าหลายบริษัทจะหดตัวลงทั้ง qoq และ yoy จะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนีด้วยเช่นกัน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,287 จุด (+21.28 จุด) หรือ +1.68% ด้วย Volume ซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท ตอบรับ sentiment เชิงบวกสหรัฐ-จีนจะร่วมมือกันเพื่อสร้างบรรยากาศการค้าให้เป็นไปตามข้อตกลงเฟสแรก รวมถึงแรงหนุนภายในประเทศความคาดหวังศบค.ผ่อนปรน Lockdown เฟส 2 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม PETRO , COMM , FIN และ FOOD หนุนดัชนีปิดแดนบวก  ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,361 ล้านบาท  , Net Long TFEX SET50 592 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,344 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,275 – 1,300 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment เชิงบวกในสัปดาห์นี้จากความคาดหวังการเจรจายุติ Tradewar เฟส 1 ระหว่างสหรัฐ-จีน , ศบค.เตรียมผ่อนปรน Lockdown เฟส 2 รวมถึงซาอุฯลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นบวกต่อภาพเศรษฐกิจและการลงทุนโดยรวม อย่างไรก็ตามกระแสความกังวลการเปิดเศรษฐกิจ (ผ่อนปรน Lockdown) ที่เร็วเกินไปในหลายประเทศนั้นอาจทำให้ไวรัส Covid-19 กลับมาแพร่ระบาดรอบ 2 ได้ ซึ่งล่าสุดมีรายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ในจีน  เกาหลีใต้ และเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ ความผันผวนจากการประกาศงบ 1Q20 ที่คาดว่าหลายบริษัทจะหดตัวลงทั้ง qoq และ yoy จะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนีด้วยเช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPN, HMPRO, GLOBAL, COM7ม DOHOME) อานิสงส์ศบค.เตรียมผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เฟส 2
  • กลุ่มที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ (ประกาศ 12 พ.ค.)  KTC, AWC, TOA
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 1Q20 จะปรับตัวขึ้น (CPF, IVL)
  • กลุ่มพลังงาน (PTT ,PTTEP ,TOP ,PTTGC ,SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นหลังซาอุฯลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BEM (ปิด 9.7 ซื้อ/เป้า 10.5) ได้ Sentiment บวกจำนวนผู้โดยสารและผู้ใช้บริการเร่งตัวขึ้นทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าหลังจากที่ภาครัฐเริ่มปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจเฟส 1 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. และกำลังจะปลดล็อกเฟส 2 ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ในระยะกลางยังมีแรงเก็งกำไรจากการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ซึ่ง BEM เป็นตัวเต็ง เนื่องจากเป็นงานรถไฟฟ้าใต้ดินที่ BEM มีประสบการณ์มากที่สุด
  • BCPG (ปิด 16.1 ซื้อ/เป้า 19.8) BCPG ประกาศงบ 1Q20 ออกมาดีเกินคาดมีกำไรสุทธิ 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%qoq และ 17%yoy และ มากกว่าที่เราคาดไว้ 16% เรายังชอบ BCPG เนื่องจากเป็นหุ้น Defensive ที่ Valuation ไม่แพงซื้อขายบน PE 14 เท่า และจ่ายปันผลสม่ำเสมอให้ Dividend yield ประมาณ 5% ต่อปี เทียบกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มที่ 20-30 เท่าและ Dividend yield ประมาณ 2%

บทวิเคราะห์วันนี้

BCPG (ปิด 16.1 ซื้อ/เป้า 19.8), PTT (ปิด 35.5 ถือ/เป้าใหม่ 33 จาก 32), TTW (ปิด 13.8 ซื้อ/เป้า 16.5), Special Strategy Report (พลวัตของผลกระทบ Covid-19 กับภัยแล้ง)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) กังวลไวรัส Covid-19 กลับมาระบาดรอบที่ 2 (Second wave) หลังหลายประเทศคลาย lockdown เร็วเกินไป : เมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดหุ้นในยุโรปส่วนใหญ่ปิดตลาดในแดนลบ (ดาวโจนส์ลดลง 109 จุด หรือ -0.45% ปิดที่ 24,222 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไปอาจทำให้ไวรัส Covid-19 กลับมาแพร่ระบาดเป็นรอบที่ 2 เหมือนกับที่เกิดขึ้นใน สิงคโปร์ จีน เยอรมนี และ เกาหลีใต้ ซึ่งทั้ง 4 ประเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาสูงขึ้นหลังจากคลาย lockdown โดยนักวิเคราะห์จากมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ออกมาเตือนว่าการเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไปของสหรัฐซึ่งทำให้ประชาชนกลับมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากจะทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดเป็นรอบที่ 2 ได้เช่นกันหากเกิดขึ้นจริงจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยยาวนาวมากกว่า 1 ปี
  • (-) น้ำมันดิบ WTI ลดลง 60 เซนต์ แม้ซาอุฯ จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน : วานนี้ตลาดน้ำมันดิบมีข่าวดีใหม่หลังจากซาอุฯ สั่งให้บริษัทซาอุดิ อรามโก ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุฯ ลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มมีผล 1 มิ.ย. การลดกำลังการผลิตครั้งนี้อยู่นอกเหนือข้อตกลงที่ทำร่วมกับกลุ่ม OPEC+ ซึ่งจะทำให้ซาอุฯ มีการผลิตน้ำมันดิบลดลงสู่ระดับ 7.49 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน มิ.ย.ลดลงจากปกติที่เคยผลิตที่ระดับ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบตอบรับเชิงบวกกับข่าวนี้ในช่วงสั้นเท่านั้นก่อนที่จะกลับมาปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลกับอุปสงส์ที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดยปิดตลาดราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 60 เซนต์ ปิดที่ระดับ 24.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • (+) ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวขึ้นเป็นเกณฑ์ “ทรงตัว” จากเดิมอยู่ที่เกณฑ์ “ซบเซา” (Bearish) มองหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มน่าลงทุนมากที่สุด : FETCO เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในช่วง 3 เดือนข้างหน้าพบว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” ดีขึ้นจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” หรือ Bearish อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนรายย่อย, พอร์ตโบรกเกอร์ และ นักลงทุนสถาบัน ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ยังมีความเชื่อมั่นเป็นลบหรืออยู่ในเกณฑ์ซบเซา (Bearish) นอกจากนี้ผลสำรวจยังระบุว่า หุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มน่าลงทุนมากที่สุด ขณะที่ขึ้นกลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยง