เสี่ยงระบาดรอบใหม่! สหรัฐเมินล็อกดาวน์ อียูขยายห้ามเข้า มิ.ย.

เสี่ยงระบาดรอบใหม่! สหรัฐเมินล็อกดาวน์ อียูขยายห้ามเข้า มิ.ย.

สหรัฐยืนยันไม่ล็อกดาวน์รอบใหม่ แม้มีการระบาดของโรคโควิด-19 รอบสอง ขณะที่อียูเล็งขยายเวลาห้ามต่างชาติเข้า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 4 ล้านราย ด้านองค์การอนามัยโลกชี้ตลาดสดในอู่ฮั่น อาจเป็นต้นตอแพร่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

สถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุด ที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้ อยู่ที่ 4,006,538 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 275,705 ราย

ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (1,318,787) รองลงมา คือสเปน (260,117), อิตาลี (217,185), สหราชอาณาจักร (211,364), รัสเซีย (187,859), ฝรั่งเศส (176,079) และเยอรมนี (170,588) 

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (78,503) ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร (31,241), อิตาลี (30,201), สเปน (26,299) และฝรั่งเศส (26,230)

  • สหรัฐคุมเข้มวีซ่านักข่าวจีน

สื่อต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐได้ออกกฎเกณฑ์ใหม่เมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) เพื่อคุมเข้มการออกวีซ่าให้กับนักข่าวชาวจีน โดยระบุว่าเป็นการตอบโต้ที่จีนปฏิบัติต่อนักข่าวสหรัฐก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

กฎเกณฑ์ใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ (11 พ.ค.) ที่จะถึงนี้ จะจำกัดการออกวีซ่าให้กับนักข่าวชาวจีนที่ทำงานให้กับสื่อของรัฐบาลจีนในสหรัฐเป็นระยะเวลาเพียง 90 วัน และไม่จำเป็นต้องต่ออายุวีซ่าดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่านักข่าวเหล่านั้นจะย้ายไปทำงานกับบริษัทหรือสื่ออื่นๆ

สหรัฐและจีน ดำเนินมาตรการตอบโต้กันที่เกี่ยวกับกรณีของนักข่าวของสองประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐระบุว่า จีนกระทำการที่เป็นการลิดรอนความเป็นอิสระในการเสนอข่าว โดยเมื่อเดือน มี.ค. จีนขับไล่นักข่าว 3 คนของหนังสือพิมพ์สหรัฐออกจากประเทศ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยว่า จะเริ่มปฏิบัติกับหน่วยงานสื่อของรัฐบาลจีน 5 แห่งที่ดำเนินกิจการในสหรัฐให้เหมือนกับสถานทูตต่างประเทศ

  • ยืนยันไม่ปิดเมืองรอบใหม่

นายแลร์รี คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า ได้สอบถามสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจเรื่องโควิด-19 ของรัฐบาลว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นอีก หลังจากเส้นกราฟการติดเชื้อเริ่มเป็นแนวราบแล้ว คำตอบที่ได้รับคือ ไม่จำเป็นต้องปิดเมืองครั้งใหม่ เพราะสหรัฐมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมากขึ้นแล้ว และมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เหมาะสมมากขึ้นแล้ว

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐขอให้รัฐต่างๆ เริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งแม้ว่ายังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ยอดผู้ป่วยสะสมรวมเกือบ 1.3 ล้านคน เสียชีวิต 75,670 คน และวิกฤตโควิด-19 ทำให้อัตราว่างงานในสหรัฐสูงถึง 14.7% หรือ 20.5 ล้านคนในเดือน เม.ย. แต่บางฝ่ายเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงถึง 23.6% ใกล้เคียงช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี2472 ที่มีคนว่างงานเกือบ 25%

  • อียูเล็งขยายเวลาห้ามต่างชาติเข้า

คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) ว่า ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ควรจะปิดพรมแดน ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้เป็นพลเมืองของอียูเข้าประเทศ ไปจนถึงกลางเดือน มิ.ย. หลังจากที่โรคโควิด-19 ยังไม่หยุดแพร่ระบาด

มาตรการห้ามการเดินทางในปัจจุบัน ซึ่งบรรดาผู้นำอียูตกลงกันไว้ ล่าสุดในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 พ.ค.นี้ และทางอีซีเสนอที่จะต่อเวลามาตรการดังกล่าวไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.

  • WHO ชี้ตลาดสดอู่ฮั่นต้นตอโควิด

องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เชื่อว่าตลาดสดในเมืองอู่ฮั่น อาจมีบทบาทสำคัญในการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 โดยนายปีเตอร์ เบน เอ็มบาเร็ค ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอาหารและโรคติดต่อในสัตว์ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) ว่า ตลาดสดในเมืองอู่ฮั่น ที่เป็นแหล่งจำหน่ายสัตว์เป็นๆ มีความสำคัญต่อการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอาหารและโรคติดต่อในสัตว์ของดับเบิลยูเอชโอ บอกว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจุดเริ่มต้นของไวรัสนี้มาจากสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ในตลาดสดดังกล่าว หรือจากพ่อค้าแม่ค้าที่ติดเชื้อ หรือจากคนที่ไปจ่ายตลาดที่ติดเชื้ออยู่ก่อน

เมื่อเดือน ม.ค. ทางการจีนสั่งปิดตลาดสด และสั่งห้ามบริโภคและจำหน่ายสัตว์ป่าเป็นการชั่วคราว เพื่อสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 แต่นายเอ็มบาเร็ค มองว่า ทางการควรพัฒนาปรับปรุงตลาดท้องถิ่นเหล่านี้แทนการสั่งปิด เพราะนี่ถือเป็นแหล่งกระจายอาหารที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของผู้คนนับล้านชีวิตทั่วโลก

นอกจากนี้ ดับเบิลยูเอชโอ ยังเรียกร้องให้มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม แต่จนถึงขณะนี้ ทางการจีนยังไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่ดับเบิลยูเอชโอหรือผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานอื่นๆ ให้เข้าร่วมการสืบสวนสาเหตุของโควิด-19 แต่อย่างใด

  • บริษัทจีนบริจาคหน้ากาก 6 แสนชิ้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทสัญชาติจีน 5 แห่งได้บริจาคหน้ากากอนามัย 6 แสนชิ้น เพื่อสนับสนุนภารกิจในการรับมือกับโรคโควิด-19 ใน 6 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้แก่ ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยได้จัดส่งหน้ากากอนามัยดังกล่าวจากนครหนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 พ.ค.)

นายหวง หง็อก วินห์ กงสุลใหญ่ของเวียดนามประจำนครหนานหนิง กล่าวว่า บริษัทเอกชนหลายแห่งของจีนมีบทบาทในการช่วยเหลืออาเซียนอย่างมากในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทจีนได้บริจาคอุปกรณ์ป้องกันไวรัสให้กับบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย และเมียนมา

นายหลิว หยาง รองผู้อำนวยการของบริษัทเสี่ยวหมี่ คอมมิวนิเคชันส์ สาขากว่างซี กล่าวว่า การบริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 200,000 ชิ้น แสดงถึงความปรารถนาดีของบริษัท โดยหวังว่า ประเทศอาเซียนจะสามารถเอาชนะโรคระบาดได้โดยเร็วที่สุด

  • 'แอ๊ปเปิ้ล' เปิดร้านในสหรัฐสัปดาห์หน้า

สื่อต่างประเทศรายงานว่า บริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ จะเริ่มเปิดสโตร์เพื่อให้บริการลูกค้าในสหรัฐอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หลังจากที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ต้องปิดร้านค้านานเกือบ 2 เดือน โดยแอ๊ปเปิ้ลจะเปิดสโตร์บางแห่งได้ภายในสัปดาห์หน้าใน 4 รัฐซึ่งได้แก่ไอดาโฮ, เซาธ์ แคโรไลนา, อลาบามา และอลาสกา 

แอ๊ปเปิ้ลมีสโตร์ทั้งหมด 6 แห่งใน 4 รัฐดังกล่าว และจะเปิดสโตร์แห่งแรกในเมืองบอยซี รัฐไอดาโฮในวันจันทร์(11พ.ค.)ที่จะถึงนี้

สโตร์ต่างๆ ของแอ๊ปเปิ้ลจะกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม อาทิ การตรวจเช็คอุณหภูมิของผู้เข้าใช้บริการ, การกำหนดให้พนักงานและลูกค้าสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะที่อยู่ในสโตร์ รวมถึงการจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการในแต่ละครั้งตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม