จับตาศึก 'จีน-สหรัฐ' กด 'ดอลลาร์' อ่อนค่า

จับตาศึก 'จีน-สหรัฐ' กด 'ดอลลาร์' อ่อนค่า

สัปดาห์นี้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังเป็น “ปัจจัยลบ” โดยเฉพาะแนวโน้มความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่าจีนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความกังวลเรื่องสงครามการค้า

ในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า  “ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.10-32.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยคืนวันศุกร์ที่ 8 พ.ค.จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯเดือนเม.ย. ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะลดลงหนัก สอดคล้องกับตัวเลขอื่นๆที่รายงานก่อนหน้านี้

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 พ.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 1,266.02 จุด เพิ่มขึ้น 8.04 จุด หรือ 0.64% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 44,086.49 ล้านบาท ด้าน “บล.เอเซีย พลัส” ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าดัชนีฯน่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง เนื่องจากเชื่อว่ากรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯเริ่มแคบลง หลังดีดตัวขึ้นมาในระดับที่เหมาะสมช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับจะมีการทยอยประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนในงวดไตรมาส 1 ปี2563 ซึ่งประเมินว่าภาพรวมอาจออกมาไม่สดใสนักและกดดันต่อบรรกาศการลงทุนได้  อย่างไรก็ตาม ให้จับตาดูการประกาศตัวเลขจีดีพีในช่วงไตรมาสแรก ในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนนี้  ประเมินกรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,250-1,280 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,717.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 26,150 บาทต่อบาททองคำ  "วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล"  ระบุว่า ราคาทองคํายังคงพยายามรักษาระดับไว้  หากราคาสามารถทรงตัวเหนือระดับ 1,706-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนําเข้าซื้อเพื่อหวังทํากําไรจากการดีดตัวขึ้นทดสอบโซน 1,726-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามหากผ่านแนวดังกล่าวไปได้ ราคาจะขยับขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านถัดไปในโซน 1,739-1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์