สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 4-8 พฤษภาคม 2563

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 4-8 พฤษภาคม 2563

เงินบาทแข็งค่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนครึ่งช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงแรกสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายเพื่อทำกำไรและปรับโพสิชันก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ  

- ในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.24 ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือนครึ่ง เทียบกับระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (30 เม.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.00-32.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ภายหลังการเปิดเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.  ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยหลุดระดับ 1,300 จุดอีกครั้ง โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,266.02 จุด ลดลง 2.74% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,574.92 ล้านบาท ลดลง 15.15% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.91% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 253.86 จุด  

- หุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากผลกระทบของโควิด-19 ขณะที่ประเด็นตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯ-จีน กลับมาอีกครั้ง หลังปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีน เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกมีต้นตอมาจากจีน อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ หลังการระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง กระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจระยะที่ 2 ในช่วงกลางเดือนนี้

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,250 และ 1,230 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,275 และ 1,300 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศระยะ 2 และผลประกอบการไตรมาส 1/63 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/63 ของยูโรโซน