BH - ถือ

BH - ถือ

คาดว่าผลประกอบการจะแย่สุดใน 2Q

Event

ปรับลดประมาณการ และราคาเป้าหมาย

lmpact

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจจากผลประกอบการงวด 1Q63

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BH รายงานผลประกอบการ 1Q63 ออกมาน่าผิดหวัง โดยมีกำไรสุทธิ 765 ล้านบาท (-29.2% YoY, -13.6% QoQ) คิดเป็น 38.7% ของประมาณการกำไรสุทธิใหม่ปีนี้ของเรา โดยผลประกอบใน 1Q63 ถือว่าต่ำที่สุดสำหรับไตรมาสแรกในรอบห้าปีที่ผ่านมาและยังต่ำกว่าคาดการณ์ โดยมีสาเหตุสำคัญคือ

       i) ได้รับผลกระทบด้านลบมากขึ้นจาก COVID-19 และ ii) ไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในระยะสั้นได้ โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจใน 1Q63 ได้แก่

       i) รายได้ลดลง 12.0% YoY และ 14.0% QoQ เหลือ 4.09 พันล้านบาท

       ii) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 43.8% จาก 46.3% ใน 1Q62 และ 42.9% ใน 4Q62

       iii) สัดส่วน SG&A/ยอดขายอยู่ที่ 22.3% เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

       iv) สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยอยู่ที่ 34.7% และจากผู้ป่วยต่างชาติอยู่ที่ 65.3% ใน 1Q63 จาก 31.3% และ 68.7% ใน 1Q62 ตามลำดับ ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยชาวไทย และต่างชาติลดลง 18.4% YoY และ 15.5% YoY ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมลดลงถึง 62.1% YoY

        v) Intensity ของผู้ป่วยลดลง YoY เนื่องจากการะระบาดของ COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64F ลงจากเดิม 37.6% และ 30.4%

เรายังคงมองลบกับแนวโน้มกำไรของ BH ในปีนี้ นอกจากนี้ เราคาดว่าผลประกอบการของ BH จะเลวร้ายที่สุดใน 2Q63 เนื่องจาก i) ตามปกติแล้วไตรมาสสองจะเป็นช่วงที่ผลประกอบการอ่อนแอตามฤดูกาล ii) เทศกาลรอมฎอน iii) จำนวนผู้ป่วยมาใช้บริการโรงพยาบาลลดลง (ทั้งไทยและต่างชาติ) ในช่วงที่เกิดโรคระบาด เราปรับลดประมาณการรายได้จากโรงพยาบาลในปี 2563 ลงจากเดิม 21.1% เนื่องจากเราปรับลดประมาณการผู้ป่วยที่บินมาใช้บริการจากต่างประเทศลงจากเดิมอีกเป็น 67% YoY และผู้ป่วยไทยเป็น 20% YoY ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น 32% และ 10% ตามลำดับ ดังนั้น เราจึงคาดว่ารายได้ของ BH จะอยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านบาท (-29.0% YoY ลดลงจากประมาณการเดิม 21.1%) ในปี 2563 และ 1.39 หมื่นล้านบาท (+6.0% YoY ดีกว่าประมาณการเดิม 20.4%) ในปี 2564 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเหลือ 42.0% และ 43% ในปี 2563-64F (จาก 44.1% ในปี 2562) เนื่องจาก i) รายได้ลดลง ii) intensity ของผู้ป่วยลดลง และ ii) ต้นทุนการดำเนินงานลดลงบางส่วน ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2563F ลงเหลือ 1.98 พันล้านบาท (จาก 3.18 พันล้านบาท)ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.33 พันล้านบาท (จาก 3.35 พันล้านบาท) ในปี 2564F

Valuation & Action

เมื่ออิงจากประมาณการใหม่ของเรา ทำให้เราได้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2563 ใหม่ ที่ 123 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.2% และ TG ที่ 1%) จากเดิมที่ 140 บาท เรายังคงคำแนะนำ ถือ

Risks

การแทรกแซงของรัฐบาล ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่ และ เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่