เริ่มเห็นความผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจและการประกาศงบ

เริ่มเห็นความผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจและการประกาศงบ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ปรับตัวลดลงจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ

ทั้งยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมันมี.ค.ที่ลดลง 15.6% ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) คาดการณ์เศรษฐกิจยุโรปจะชะลอตัวลง 7.7% ในปีนี้ ขณะที่สหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานเดือนเม.ย.ที่ลดลงกว่า 20 ล้านตำแหน่ง รวมถึงการรายงานผลประกอบการของบจ.หลายแห่งที่เริ่มสะท้อนผลกระทบจากวิกฤติโควิด ทำให้มีแรงทำกำไรในหุ้นทั่วไป ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ไม่ได้รับผลกระทบทางลบ ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นสวนทางดัชนี DJIA และ S&P

ราคาน้ำมันดิบผันผวน โดยปรับขึ้นแรงจากการที่ตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เริ่มเพิ่มในอัตราที่ลดลง และความหวังการกลับมาเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันดิบ อย่างไรก็ตามภาวะอุปทานล้นเกินที่ทำให้แหล่งกักเก็บ (storage) ทั่วโลกใกล้เต็ม ในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้า คาดยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ

ปัญหาความเชื่อมั่นตลาดตราสารหนี้อาจกลับมาอีกครั้ง จากการที่บริษัทจดทะเบียนอาจประสบปัญหาในการจ่ายคืนเงินต้น และนักลงทุนอยู่ในภาวะกลัวความเสี่ยง ทำให้ไม่สามารถออกขายหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่จะถึงครบกำหนดชำระในปีนี้ได้ ล่าสุด PSL เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นขอต่ออายุหุ้นกู้ที่จะถึงกำหนดไถ่ถอน 9 มิ.ย.63 ไปอีก 18 เดือน        (9 ธ.ค.63) ซึ่งแม้ผู้ถือหุ้นอนุมัติ แต่ก็ต้องไปลุ้นขออนุมัติจากที่ประชุมเจ้าหนี้/ผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งหากไม่อนุมัติและไม่มีแหล่งเงินทุนอื่น ก็จะทำให้บริษัทเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระ (default) ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะจุดความกังวลเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้บ้านเราขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้มีกลไก BSF แต่ด้วยเงื่อนไขเกี่ยวกับอันดับเครดิตที่ต้องอยู่ในระดับ Investment grade และต้องได้รับเงินกู้จากธนาคาร 50% ทำให้การขอรับความช่วยเหลือเป็นเรื่องยาก

ประเด็นการ เก็งกำไร 1) การปรับหุ้นตามดัชนี MSCI ที่คาด AWC, KTC และ TOA มีโอกาสเข้าคำนวณ 2) กลุ่มประกันภัย สถานการณ์โควิดที่คลี่คลายทำให้การขายประกันช่วงก่อนหน้าคาดทำกำไรอย่างสูง บวกต่อ TIP และ THRE 3) ค่าระวางเรือขนส่งน้ำมันที่ลดลงเร็ว คาดส่งผลบวกต่อค่าการกลั่น และกลุ่มโรงกลั่น TOP, ESSO, SPRC

ภาพรวมกลยุทธ์ เข้าสู่ช่วงผันผวนจากการประกาศงบ การเก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง โดยโรงกลั่นและประกันภัยเป็นบวก สำหรับธีมการลงทุนใหญ่ยังชอบกลุ่มต้นทุนอิงปิโตรเลียม, ไฟฟ้า สื่อสาร และอาหาร // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  TOP, THRE*

แนวรับ 1,250-1,275 / แนวต้าน : 1,290-1,300 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

ทรัมป์เร่งเปิดเมืองฟื้นเศรษฐกิจ – ปธน.ทรัมป์ ผลักดันเร่งผ่อนคลายมาตรการ Lock Down โดยยืนยันถึงความจำเป็นในการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้รายงานจะบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการเพิ่มสูงขึ้นของตัวเลขผู้เสียชีวิต

ศาลรธน.เยอรมนีขีดเส้น ECB ชี้แจงมาตรการ QE ภายใน 3 เดือน –ชี้แจงมาตรการซื้อสินทรัพย์ภายใต้โครงการ PSPP ภายใน 3 เดือน ว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการคลัง มิฉะนั้น ธนาคารกลางของเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ จะถูกสั่งห้ามในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

US service PMI หดตัวครั้งแรกในรอบ 10 ปี – ผลสำรวจจากสถาบัน ISM ชี้ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี รับผลของมาตรการ Lock down จากพิษ Covid-19

ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของไทยทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ –เม.ย. อยู่ที่ระดับ 32.6 ทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในปี 2542 โดยทุกองค์ประกอบของดัชนีและทุก sector ลดต่ำกว่า 50 จากผลกระทบ Covid-19 

ยอดซื้อกอง SSFX เดือนแรกต่ำเพียง 1.3 พันลบ. – ยอดซื้อกองทุน SSFX เดือนแรก (เม.ย.) อยู่ที่เพียง 1.3 พันลบ. เหตุดัชนีตลาดหุ้นปรับขึ้นมาสูง ประกอบกับ กำลังซื้อที่ไม่เหมือนเดิมหลังโดนผลกระทบ Covid-19

ประเด็นติดตาม: 7 พ.ค. – BOE meeting/ 8 พ.ค. – ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ/ 12 พ.ค. – US CPI เดือน เม.ย./ 13 พ.ค. – OPEC monthly report

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)