‘ไอบีเอ็ม’ ถอดบทเรียนโควิด ยก ‘เอไอ’ พลิกโลก ‘ซัพพลายเชน’

‘ไอบีเอ็ม’ ถอดบทเรียนโควิด ยก ‘เอไอ’ พลิกโลก ‘ซัพพลายเชน’

ถึงเวลาแล้วที่ต้องมองการดำเนินการที่จำเป็นในระยะฟื้นตัวของธุรกิจ และรับมือดิสรัปชันในอนาคต

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในสังคม ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะความใส่ใจเรื่องความสะอาดมากขึ้น หรือแม้แต่การให้ความสำคัญกับการตรวจสอบที่มาของอาหาร 

ที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารโลกอย่าง เนสท์เล่ คาร์ฟูร์ หรือแม้แต่ วอลมาร์ท ได้เริ่มนำบล็อกเชนมาใช้กับระบบซัพพลายเชนของอาหารตั้งแต่ฟาร์มจนถึงผู้บริโภค เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย และเราคงจะได้เห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวในประเทศไทยในเร็วๆ นี้

‘ปฐมา จันทรักษ์’ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า หากมองในมุมธุรกิจ หนึ่งในอุตสาหกรรมที่โดนกระทบหนักคงหนีไม่พ้นการผลิตที่ชะลอตัวครั้งใหญ่ และยังส่งผลให้ซัพพลายเชนของหลายบริษัททั่วโลกต้องหยุดชะงัก

แม้ระบบซัพพลายเชนส่วนใหญ่ ยังอยู่ในช่วงการรับมือโรคระบาด รวมถึงการต่อสู้กับความกลัว ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขาดแคลน และการประเมินผลกระทบโดยรวมจากโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับซัพพลายเชนและส่วนปฏิบัติงานด้านโลจิสติกส์ 

แต่หากมองถึงค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ซึ่งธุรกิจหลายแห่งกำลังเผชิญอยู่ คงถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจต่างๆ จะเริ่มวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มองถึงการดำเนินการที่จำเป็นในระยะฟื้นตัวของธุรกิจ และวางแผนรับมือกับดิสรัปชันในอนาคต

ปฐมา กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตได้ แต่สามารถปรับปรุงซัพพลายเชนทั่วโลกให้ชาญฉลาดและแข็งแกร่งขึ้นโดยการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่นๆ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ รักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น 

158868324684

ซัพพลายเชนต้องเชื่อมโยงระบบนิเวศ

รายงานของ IBM Institute for Business Value ที่ชื่อ “COVID-19 and Shattered Supply Chains” ระบุว่า ซัพพลายเชนควรต้องปรับตัว ตอบสนอง และเชื่อมโยงกับระบบนิเวศ และกระบวนการต่างๆ ขององค์กร การดำเนินการนี้ต้องอาศัยการมองเห็นภาพครบวงจร ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ และการดำเนินการที่เด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ส่งผลวงกว้างประสิทธิภาพการคาดการณ์ของเอไอ

การใช้เอไอ ทำให้องค์กรต่างๆ เปลี่ยนข้อมูลเรียลไทม์ที่ไม่มีโครงสร้าง ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงพลิกผันและความไม่แน่นอนได้ รวมทั้งมองเห็นภาพในระยะสั้น ส่วนของซัพพลายเชนของไอบีเอ็ม ซิสเต็ม เอง ได้พัฒนา ค็อกนิทีฟ คอนโทรล ทาวเวอร์ ขึ้นใช้เทคโนโลยีช่วยแจ้งเตือนแต่เนิ่นๆ อาศัยข้อมูลภายนอก 

เช่น สื่อสังคมออนไลน์และข้อมูลเชิงลึกจาก The Weather Company ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากสมาร์ทโฟนและนำไปปฏิบัติได้จริง สามารถตอบสนองได้รวดเร็ว และหันไปโฟกัสที่กิจกรรมที่มีมูลค่าสูง เช่น การสื่อสารกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบ แทนที่ต้องมาไล่ดูข้อมูลและรายงานเกี่ยวกับสถานะต่างๆ

เอไอ ช่วยให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนสามารถปรับปรุงยอดสั่งซื้ออย่างเหมาะสมโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การจัดสรรสินค้าคงคลังใหม่ และการจัดลำดับความสำคัญ วิธีนี้จะช่วยให้ทีมงานสามารถตอบสนองได้เร็วขึ้นและลดชั่วโมงแรงงานที่เคยต้องใช้ไปกับการจัดเก็บข้อมูลลงได้หลายร้อยชั่วโมง เพื่อให้พนักงานหันไปเน้นที่งานที่มีมูลค่าสูงขึ้น

ซัพพลายเชนได้พัฒนาจนเป็นเครือข่ายที่ประกอบด้วยซัพพลายเออร์ ผู้รับจ้างรายย่อย และศูนย์จัดจำหน่าย รวมกันทั้งสิ้นหลายร้อยรายที่กระจายอยู่ทั่วโลก แม้แต่ความเสียหายเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบอย่างมากและส่งผลต่อๆ กันไปในเครือข่ายการจัดหาสินค้าและบริการทั่วโลก

ทศวรรษที่ผ่านมา องค์กรหลายแห่งได้รับผลกระทบจากปัญหาสำคัญๆ ที่เป็นเหตุให้เกิดแรงกระเพื่อมทั่วทั้งซัพพลายเชนทั่วโลก เช่น การปะทุของภูเขาไฟ Eyjafjallajökull ในไอซ์แลนด์ เมื่อปี 2553 เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่ญี่ปุ่นปี 2554 หรืออุทกภัยครั้งใหญ่ในไทยที่เกิดขึ้นในปีเดียวกัน 

"สิ่งที่เราเรียนรู้ คือ ไม่มีบริษัทไหน สามารถแบกรับความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นตามมา จากการไม่มีกลยุทธ์ด้านการจัดหาสินค้าและบริการที่ครอบคลุมหลายมิติและมีพลวัต เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันได้" ปฐมา กล่าว 

‘3กลยุทธ์’ยกระดับซัพพลายเชน

ในขณะที่องค์กรต่างๆ กำลังก้าวสู่การเป็นซัพพลายเชนที่มีระบบอัจฉริยะและสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตนเอง ก็มีกลยุทธ์สามแบบให้พิจารณา นั่นคือ

1.ประเมินเกี่ยวกับกลยุทธ์การจัดหาวัตถุดิบ ออกแบบเครือข่ายซัพพลายเออร์ใหม่ รักษาสมดุลระหว่างระดับความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ กับระดับความยืดหยุ่นการดำเนินงานที่องค์กรต้องการจะมี ใช้เอไอเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลเรียลไทม์ พัฒนาระบบแจ้งเตือนช่วยคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มองเห็นภาพและมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขที่แนะนำ

2.สร้างแบบจำลองซัพพลายเชนและการวิเคราะห์สถานการณ์สมมติที่ชาญฉลาดขึ้น ด้วยการใช้ดิจิทัลทวินส์ อาศัยเทคโนโลยีอนาไลติกส์เอไอ และเวอร์ช่วลไลเซชั่น เราจึงสามารถสร้างแบบจำลองซัพพลายเชนเพื่อประเมินศักยภาพการปฏิบัติการและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ 

158868330727

ตัวอย่างเช่นในยุโรป องค์กรแห่งหนึ่งได้เริ่มมีการทำ ฮีท แมพ (heat Map) ขึ้นสำหรับซัพพลายเออร์ เพื่อให้รู้ว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลต่อธุรกิจของพวกเขาที่ตั้งอยู่ที่ใดบ้าง ทำให้ตัดสินใจได้เรียลไทม์และเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อได้ในทันที

3.ทำแพลตฟอร์มแชร์ข้อมูล เปิดโอกาสให้คู่ค้าทำงานร่วมกันได้รวดเร็ว และเข้าใจถึงผลกระทบดิสรัปชัน ใช้ประโยชน์จากเอไอ เพื่อการวางแผนจากสถานการณ์ที่จำลองขึ้นอย่างรวดเร็วและปลดล็อกข้อมูลเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ จะส่งเสริมขีดความสามารถการวางแผนของซัพพลายเชนในการสำรวจทางเลือกต่างๆ และลงมือดำเนินการได้รวดเร็ว 

เมื่อเร็วๆ นี้ ไอบีเอ็มทำงานร่วมกับเลอโนโวในโครงการ วัตสัน ซัพพลายเชน ฟาสต์ สตาร์ท โดยใน 5 สัปดาห์ ทีมงานไอบีเอ็มได้ช่วยให้เลอโนโววิเคราะห์กรณีศึกษาที่ใช้เอไอจำนวน 3 เคส ใช้ข้อมูลซัพพลายเชนจากระบบการผลิตของ เลอโนโวเอง

"แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนทั่วโลกเผชิญความท้าทาย และทำงานท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น การระบาดโควิด-19ครั้งนี้ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องหันมาเรียนรู้วิธีที่ดีขึ้นในการจัดการ คาดการณ์ และจำกัดความรุนแรงของดิสรัปชันในครั้งนี้ โดยสร้างขีดความสามารถที่จำเป็นตอบสนองเหตุการณ์ในอนาคตด้วยความรวดเร็วและความแม่นยำ" ปฐมา ทิ้งท้าย