กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์

5-8 พฤษภาคม: ความเสี่ยงต่อการปรับฐานสูงขึ้นอีก

มุมมอง SET สัปดาห์นี้: เรามองลบกับแนวโน้มดัชนี SET สัปดาห์นี้ และคาดว่าตลาดน่าจะย่อตัวลง เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้ ประการแรก ในช่วงหลายวันมานี้มีประเทศหลักหลายประเทศที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจและธุรกิจรายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้นักลงทุนเป็นกังวลว่าจะเกิดการติดเชื้อระลอกใหม่ ประการที่สอง มีสองสามประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ และบางประเทศในยุโรปที่เรียกร้องให้จีนรับผิดชอบกับการที่ Covid-19 ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับชาติตะวันตกเลวร้ายลง ประการที่สาม นักลงทุนรอดูสถานการณ์การติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศไทย หลังจากที่ทางการเริ่มเฟสแรกของการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้น และมูลค่าหุ้นไทยที่ตึงขึ้นมากอย่างชัดเจนจนแซงหน้าปัจจัยพื้นฐานปี 2563 ไปแล้ว เราจึงคาดว่าตลาดน่าจะเกิด correction แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่เราบอกไปหลายครั้งแล้วว่านักลงทุนเหมือนมองข้ามปี 2563 ไปแล้ว และหันไปเน้นให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานปี 2564 แทน ซึ่งหมายความว่าตลาดจะย่อไม่แรง และแรงซื้อพร้อมจะกลับเข้ามาในตลาดหากมีปัจจัยบวกที่อยู่เหนือความคาดหมายเกี่ยวกับสถานการณ์ Covid-19 หรือเศรษฐกิจโลก

ธีมการลงทุนสัปดาห์นี้:

(-) ประเทศพัฒนาแล้วเรียกร้องให้จีนรับผิดชอบกับการที่ COVID-19 ระบาดไปทั่วโลก หลายวันมานี้สหรัฐ และบางประเทศในยุโรปออกมากล่าวโทษจีนว่าเป็นต้นเหตุให้ Covid-19 ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งทำให้นักลงทุนบางรายมองว่าเป็นชนวนที่จะทำให้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง และทำให้สภาวะเศรษฐกิจโลกแย่ลงไปอีกจากปัจจุบันที่อยู่ในโหมดของการถดถอยอยู่แล้วในปี 2563

(0) กราฟการติดเชื้อ Covid-19 ชันขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ประเทศพัฒนาแล้วบางแห่งกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง เมื่อวานนี้ สหรัฐ และบางประเทศในยุโรป รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าตัวเลขล่าสุดจะยังไม่กลับไปถึงจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ต้องระวังว่าหากไม่คุมการกลับมาเปิดเศรษฐกิจบางส่วนให้ดีก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อระลอกสองได้

ธีมหุ้นไทยที่เราสนใจ:

เนื่องจากเรามองว่าควรระมัดระวังกับแนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้ เราจึงแนะนำให้หลีกเหลี่ยงหุ้น big cap ทั่วไป และเน้นที่หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และหุ้นบางตัวที่มีประเด็นแบบ bottom up สำหรับหุ้นกลุ่มแรก เราเลือก BTS* และ CPN* เพราะเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า และการที่คนเริ่มกลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศในเดือนพฤษภาคม กลุ่มที่สอง เราเลือกหุ้นอาหารแปรรูป ได้แก่ GFPT* และ TFG* จากการที่ผลประกอบการใน 1Q63 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY และกลุ่มสุดท้าย คือหุ้นการบริโภคอย่าง CPALL* ซึ่งจะได้อานสิงส์จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล และการผ่อนคลายมาตรการ social distancing