เลือกเล่นรายตัว

เลือกเล่นรายตัว

คาดดัชนีจะสามารถสลับรีบาวด์ขึ้นได้จากแรงหนุนราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นหลังโอเปคพลัสเริ่มปรับลดการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET วันก่อนปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน ปิดที่ 1,301 จุด (+18.98 จุด) หรือ +1.48% ด้วย Volume ซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท ตอบรับข่าวยา Remdesivir ของสหรัฐใช้รักษาผู้ป่วย Covid-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ , แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวแรงจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด รวมถึง ศบค.ผ่อนปรน 6 กลุ่มแรกเริ่ม 3 พ.ค. ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม Energ  , Bank , Petro และ Etron หนุนดัชนี  ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,159 ล้านบาท, Net Short TFEX SET50 2,237 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 100 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลาง-ลบคาด SET อ่อนตัวทดสอบแนวรับ 1,270 – 1,280 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ จาก Sentiment เชิงลบความตึงเครียดทางการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังสหรัฐขู่เก็บภาษีจีนเพื่อตอบโต้ที่จีนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ซึ่งกดดดันให้เศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกหดตัวลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะสามารถสลับรีบาวด์ขึ้นได้จากแรงหนุนราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นหลังโอเปคพลัสเริ่มปรับลดการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันรวมถึงจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันสู่ระดับ 325 แท่น นอกจากนี้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ในไทยที่ชะลอตัวลวต่อเนื่องและศบค.ผ่อนปรน Lockdown 6 กลุ่มแรกจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมถึงภาวะตลาดหุ้นให้ฟื้นตัวขึ้นได้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นหลังโอเปกพลัสเริ่มลดกำลังการผลิตลง
  • กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ค่อนข้างน้อย ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC) กลุ่มอาหาร (CPF)
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 1Q20 จะปรับตัวขึ้น (CPF, IVL, BCPG, GPSC, RS)
  • กลุ่มที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ (ประกาศ 12 พ.ค.)  KTC, AWC, TOA

หุ้นแนะนำวันนี้

  • CPALL (ปิด 71 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 81 บาท) ปลอดภัยจาก Trade war และยังได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ อาทิ คืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท และ แจกเงิน 5,000 บาทต่อรายจำนวน 2.4 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์ผ่านการถือหุ้น 55% ใน MAKRO จากกระแสแห่กักตุนสินค้า และเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอร์
  • TOP (ปิด 41 ซื้อ/เป้า 48 บาท) ได้ sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้านผลประกอบการคาดผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว และจะทยอยเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q20 โดยมีปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลาย lockdown ของหลายประเทศทั่วโลกจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวหนุนความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปและค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น ด้าน Valuation ถือว่าไม่แพงมี PBV ต่ำเพียง 0.5 เท่า (เทรดต่ำบุ๊ค)

บทวิเคราะห์วันนี้

MINT (ปิด 21.1 ซื้อ/เป้า 32), PTTEP (ปิด 84.5 ถือ/เป้า 80), SPALI (ปิด 14.9 ถือ/เป้าใหม่ 15.6 เดิม 18.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) SET Index เดือน เม.ย. บวกแรง 15.6% ส่วนแนวโน้มเดือน พ.ค. Set Index พร้อมลงเพราะปรับขึ้นร้อนแรงไปแล้ว ให้กรอบ SET เดือน พ.ค.ที่ 1,200 -1,350 จุด Top Pick – BEM, BTS, CHG, CPALL และ INTUCH: สรุปภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในเดือน เม.ย. SET Index ฟื้นตัวแรงให้ผลตอบแทน 15.6% พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ส่วนพอร์ตการลงทุนของ KSS เดือน เม.ย. พอร์ตลงทุนเน้นหุ้น Growth stock ให้ผลตอบแทนดีสุด +30% ส่วนพอร์ตจำลองรายเดือนให้ผลตอบแทน +13% แพ้ตลาดที่ให้ผลตอบแทน 15.6% มุมมองเดือน พ.ค. คาด SET Index มีความเสี่ยงที่จะพักตัวหรือปรับฐานหลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นแรงตอบรับปัจจัยบวกไปแล้ว, EPS ตลาดมี Downside ที่จะถูกปรับลง, Valuation ของ SET เริ่มไม่ถูก, และยังมีความเสี่ยงจากการกลับมาระบาดครั่งใหม่ของไวรัส Covid-19 หลังหลายประเทศคลาย lockdown รวมถึงยังมีความเสี่ยงจาก Trade war ที่อาจจะปะทุขึ้น เราให้กรอบดัชนีเดือน พ.ค.ที่ 1,200 – 1,350 จุด กลยุทธ์ เน้นแบ่งขายทำกำไรและรอซื้อกลับเมื่อดัชนีอ่อนตัว ยังเน้นหุ้น Defensive และหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากภาครัฐเตรียมคลาย lockdown อาทิ กลุ่มรถไฟฟ้า ค้าปลีก สื่อสาร และ โรงพยาบาล Top pick: ADVANC, BCPG, CPALL, CPF และ INTUCH
  • (-) Trade war จีนกับสหรัฐมีความเสี่ยงกลับมาประทุอีกรอบ หลังสหรัฐขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีนเพื่อตอบโต้ที่จีนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19: ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรงกว่า 600 จุดเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียร่วงแรงเมื่อวานเช่นเดียวกับตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ลดลงเฉลี่ย 3-4% เมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลกับปัญหาสงครามการค้าอีกครั้ง หลังจากที่ โดนัล ทรัมป์ ออกมาขู่จะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าของจีนเพื่อตอบโต้ที่จีนเป็นต้นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 สอดคล้องกับคำกล่าวของนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีว่า จีนจงใจกักตุนอุปกรณ์การแพทย์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค. อีกทั้งยังตั้งใจปิดบังระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19
  • (+) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวต่อเนื่องล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาปิดเหนือระดับ 20$/bbl ได้อีกครั้ง: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 3.1% ปิดที่ระดับ 20.39 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นผลจาก 1) นักลงทุนตอบรับกลุ่ม OPEC+ เริ่มลดกำลังการผลิตโดย OPEC+ มีมติลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา และ 2) จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐลดลงต่อเนื่องอีก 53 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 325 แท่นลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่กลับมาปิดเหนือระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้อีกครั้งจะเป็น Sentiment บวกหนุนหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน PTTEP TOP SPRC) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา