ตลาดอาจปรับลง แต่กลุ่มพลังงานและโรงกลั่นมีโอกาสเป็นเป้าหมายการเก็งกำไร

ตลาดอาจปรับลง แต่กลุ่มพลังงานและโรงกลั่นมีโอกาสเป็นเป้าหมายการเก็งกำไร

อาจผันผวนหลังตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลงในช่วงไทยปิดทำการ

ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงราว 5-6% ในช่วงปิดทำการ 2-3 วันทำการที่ผ่านมา    (30 เม.ย.- 4 พ.ค.) ทั้งจากแรงทำกำไรระยะสั้น และความกังวลเกี่ยวกับการจุดประเด็นสงครามการค้ากับจีนรอบใหม่ จากการที่สหรัฐฯ ขู่จีนให้ซื้อสินค้าตามข้อตกลงเฟส 1 ที่ทำไว้ รวมถึงขู่ที่จะไม่ชำระคืนหนี้ ซึ่งเราประเมินเป็นการใช้กลยุทธ์ก่อสงคราม (War president) ทำการโจมตีจีน เพื่อสร้างคะแนนเสียงก่อนเลือกตั้งช่วงปลายปี หลังคะแนนเสี่ยงต่ำลงเพราะการบริหารสถานการณ์โควิดได้ไม่ดี

น้ำมันดิบฟื้นตัว เนื่องจาก 1) การกลับมาเปิดเมือง ทำให้คาดความต้องการใช้เพิ่มขึ้น 2) ปริมาณการผลิตมีแนวโน้มลดลงจากการเข้าสู่ข้อตกลงลดกำลังการผลิต 3) จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ตลาดคาดว่าภาวะการผลิตล้นเกินในสหรัฐฯ จะเริ่มลดลง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อน้ำมันดิบและกลุ่มพลังงาน ขณะที่ค่าระวางเรือของ Tanker ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว จะส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของค่าการกลั่น (GRM)

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ถูกแต่โอกาสเก็งกำไรอยู่แต่ในกลุ่มมีรายได้ค่าเช่า ยอดขายหุ้นกู้ที่ต่ำเป้า, การมีตราสารหนี้ครบกำหนดชำระจำนวนนมากในปีนี้ รวมถึงการขอเข้าแผนฟื้นฟูของผู้ประกอบการบางราย รวมถึงภาวะ “ชะลอการโอน” เพื่อต่อรองผลประโยชน์ ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายจะไม่น่าสนใจ ขณะที่กลุ่มที่มีรายได้จากค่าเช่า แม้อาจได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าเช่า แต่ยังมีประเด็นลงทุนที่น่าสนใจมากกว่า ทำให้ AWC, CPN, SF, MBK จะน่าสนใจในเชิงตั้งรับมากกว่า

ประเด็นการลงทุน/เก็งกำไร ธีมการลงทุนหลังของเรายังอยู่ที่ 1) หุ้นได้ประโยชน์ต้นทุนพลังงานลดลง 2) หุ้นผลการดำเนินงานกระทบจำกัดจากโควิด อาทิ สื่อสารและไฟฟ้า และ 3) กลุ่มอาหาร นอกจากนี้อาจมีประเด็นเก็งกำไรเพิ่มเติมจาก 1) การปรับหุ้นตามดัชนี MSCI ที่คาด AWC, KTC และ TOA มีโอกาสเข้าคำนวณ 2) กลุ่มประกันภัย สถานการณ์โควิดที่คลี่คลายทำให้การขายประกันช่วงก่อนหน้าคาดทำกำไรอย่างสูง บวกต่อ TIP และ THRE

ภาพรวมกลยุทธ์ ตลาดอาจปรับลงชดเชยช่วงที่ปิดทำการ แต่หุ้นพลังงานและโรงกลั่นมีโอกาสถูกเก็งกำไรในระยะสั้น ขณะที่ธีมการลงทุนใหญ่ยังชอบกลุ่มต้นทุนอิงปิโตรเลียม, ไฟฟ้า สื่อสาร และอาหาร // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  PTT, TOP, THRE*

แนวรับ 1,270-1,280 / แนวต้าน : 1,320 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

EU PMI ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซน (EU Manufacturing PMI) เดือน เม.ย.ปรับตัวลงสู่ระดับ 33.4 ลดลงจากตัวเลขเดือนก่อนหน้าที่ 44.5 ทำจุดต่ำสุดเป็นประวติการณ์

เตรียมวางมาตรการฟื้นฟูท่องเที่ยว – รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมวางมาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังผ่อนคลายมาตรการ Lock down ทั้ง Supply side และ Demand side เตรียมความพ้อมรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติหลังสถานการณ์คลี่คลาย

ธปท.ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/63 หดต่อเนื่อง – ธปท.คาดเศรษฐกิจไทยหดตัวมากขึ้นและต่อเนื่องในไตรมาส 2/63 ประเมินฟื้นตัวแบบ U หรือ V Shape เกาะติดตามผลมาตรการการเงิน-การคลัง คาดเม็ดเงินเข้าระบบได้ในช่วงไตรมาส 2/63 และจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 3/63

ทริสเล็งปรับลดอันดับเครดิต – คาดมีบริษัทถูกปรับลดอันดับเครดิตมากกว่าปีก่อนที่มี 16 บริษัท จากผลของโควิด ที่กระทบในหลายอุตสาหกรรม

ยอดจองซื้อหุ้นกู้ต่ำคาด – โดย 3 บริษัทจดทะเบียน ขายหุ้นกู้ได้ต่ำคาด ได้แก่ ชาญอิสสระ (289 จากเป้า 1,000 ล้านบาท), กันกุล (1.34 จากเป้า 2.80 พันล้านบาท) และไทยฟู้ดส์ (568.60 จากเป้า 600 ล้านบาท)

KCE ปิดโรงงานบางปูชั่วคราว – โดยปิด KCEI และโอนย้ายพนักงานและคำสั่งซื้อไปผลิตที่ลาดกระบัง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร

ประเด็นติดตาม: 7 พ.ค. – BOE meeting, 8 พ.ค. – ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ, 12 พ.ค. – US CPI เดือน เม.ย., 13 พ.ค. – OPEC monthly report

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)