ภารกิจ“ไพสิฐ แก่นจันทร์” ขุนศึกนำ“พราวฯ”ฝ่าโควิด

ภารกิจ“ไพสิฐ แก่นจันทร์” ขุนศึกนำ“พราวฯ”ฝ่าโควิด

เมื่อ พราว กรุ๊ป สร้างธุรกิจเติบโตจากโรงแรม ปักหมุดในแหล่งท่องเที่ยวหลัก อย่าง หัวหิน อาท โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท,โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน ธุรกิจลงทุนสูง คืนทุนยาว สร้างเงินหมุนเวียน(Cash Flow)

ภาคต่อสตอรี่ธุรกิจ เพิ่มอีกหนึ่งขา ขับเคลื่อนการเติบโต นั่นคือการสยายปีกสู่ธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย" ด้วยการไปเทคโอเวอร์ “บริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS ” เมื่อกลางปี 2562 เข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยวิธี Backdoor Listing ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)

 การรุกธุรกิจครั้งนี้ยังคว้า“มือบริหาร”เก๋าเกม ไพสิฐ แก่นจันทน์” เป็นขุนศึกปั้นธุรกิจพราว เรียล เอสเตท ตะลุยปักธงในสมรภูมิอสังหาฯ ลงทุนขายทำกำไร เสี่ยงสูง เห็นกำไร และคืนทุนเร็ว

ย้อนไป ไพสิฐ” กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เคยบริหารธุรกิจอสังหาฯทั้งที่อยู่อาศัย และโรงแรม ให้กับหลายบริษัทขนาดใหญ่ อาทิ บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ ในเครือบมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด ,ทีซีซี โฮเทล กรุ๊ป ,ทีซีซี แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ รวมถึง บมจ.ดิเอราวัณกรุ๊ป จำกัด มีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 20 ปี ที่พร้อมถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ทายาทนักการเมืองพราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหารบริษัท พราว กรุ๊ป จำกัด และบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)

ขณะที่ภารกิจ ของไพสิฐ คือการนำทัพพราวฯ ไปปักธงพัฒนาโครงการอสังหาฯด้านที่อยู่อาศัยมูลค่า 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (ปี 2562-2566) นั่นหมายถึงการเปิดตัวโครงการปีละไม่ต่ำกว่า 1 โครงการ

โดยโครงการแรกคือ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” โครงการร่วมทุนกับบริษัท อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) เชนโรงแรมระดับโลก ผุดที่พักอาศัยซูเปอร์ลักชัวรี หรือ Branded Residence มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท เนื้อที่ 7 ไร่เศษ 238 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 7.89 – 100 ล้านบาท ซื้อที่ดินมาในราคา 150 ล้านบาทต่อไร่ ถือเป็นราคาที่ดินทุบสถิติสูงที่สุดในหัวหิน การลงทุนดังกล่าวยังล้อไปกับโครงการเดิมที่พราว กรุ๊ปได้พัฒนาไว้ ต่อยอดจากการใช้ประโยชน์สูงสุด จากธุรกิจ โรงแรม สวนน้ำ

โครงการเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2562 ปัจจุบันทำยอดขายแล้ว 35% หรือมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท โดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อเป็นชาวไทยสัดส่วน 90% 

โควิด-19 ทำให้ปิดยอดขายลดลง แต่ความต้องการมาชมโครงการยังมีบ้าง ทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายจะปิดโครงการภายในสิ้นปี 2563"ไพสิฐ เผย 

อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า จากสถานการณ์โควิด ทำให้ต้องทบทวนการลงทุนว่า จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยแห่งที่ 2 ที่กำหนดเดิมจะเปิดตัวปลายปี 2563 เป็นโครงการร่วมทุนกับกองทุนต่างชาติ โดยทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วทั้งการซื้อที่ดิน เตรียมแบบที่พักแล้ว มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยอาจจะเป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงการก่อนหน้านี้ ได้แก่ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล บนหาดกมลา จ.ภูเก็ต และโครงการ “อันดามันดา” โครงการมิกซ์ยูสมีสวนน้ำ และโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต

เขาวางแผนสำรอง”ไว้ 2 ทางเลือก คือ หากเกิดปาฎิหารย์ โควิด-19 จบ มีคนคิดค้นยา หรือวัคซีนได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 แผนทุกอย่างที่ยังอยู่ในเงื่อนไขเวลาที่เตรียมไว้ แต่หากโควิดไม่จบลากยาวไปนานที่สุดต้นปี 2564 แผนการเปิดตัวโครงการที่ 2 ก็ต้องเลื่อนออกไป 3-6 เดือน แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำให้ธุรกิจเสียศูนย์

หากโครงการดีเลย์ไป3-6เดือนไม่ใช่สาระสำคัญทำให้โปรเจคเจ๊ง หาก 6 เดือนขายของไม่ได้ เพราะเรามีต้นทุนคงที่ต่ำ เดือนละ5ล้านบาท รวม 6เดือน 30 ล้านบาท กำไรอย่างน้อย 400-500 ล้านบาท หากเทียบกับกำไรที่ธุรกิจจะได้รับ ถือว่ายังอยู่ได้ ไม่ต้องลดไซส์ให้เหนื่อยเหมือนบางบริษัทขนาดใหญ่ ที่ผุดโครงการหมื่นล้าน”

กรรมการผู้จัดการใหญ่ พราว เรียล เอสเตท ยังมองว่า วิกฤติโควิดว่าจะทำให้นักพัฒนาอสังหาฯ เรียนรู้หลายด้าน ต้องกลับไปนิยามคำว่าบ้านใหม่ (Redefine) บ้าน ว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ชีวิตได้จริงยาวนาน 24 ชั่วโมง โดยไม่รู้สึกอึดอัด มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีพื้นที่สำหรับทำงาน ออกกำลังกาย ต้องมีสภาพแวดล้อมที่เข้าถึงปัจจัย 4 บวก 1 ประกอบด้วย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย บวกกับการเชื่อมต่อภายใน (Connectivity)สู่สังคมภายนอก 

“ที่ผ่านมาการอยู่อาศัย อาจจะฝืนตัวเอง หรือฝืนธรรมชาติ เบียดเบียนตัวเอง ห้องเพียงแค่ 21 ตร.ม. ไม่ใช่บ้านที่อยู่ได้จริง วันนี้ต่างชาติหลายคนที่เคยเช่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เริ่มมองหาบ้านเช่า”

 นอกจากนี้ยังประเมินว่า โครงการที่พักอาศัยในแหล่งท่องเที่ยวหลัก จะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต จากการที่คนไม่ต้องการแออัดในเมือง จึงมองหาที่พักตากอากาศ พักผ่อน ที่ใช้ชีวิตอยู่ได้จริง ทั้งทำงาน และพักผ่อน โดยเฉพาะต่างชาติ จะให้ความสนใจมากขึ้น

หากเดินทางสะดวก มีการลงทุนรถไฟความเร็วสูง คนจะเริ่มมองหาบ้านในต่างจังหวัดเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะพักผ่อนได้ มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานพร้อม ทั้งอาหาร ระบบสาธารณสุข รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ”

ขณะที่การปักธง สร้างชื่อให้กับ”พราวฯ"ในฐานะ บริษัทเรียล เอสเตท คือการพัฒนาโครงการที่สอดคล้องกันกับ บุคลิก” (Character)ของแบรนด์ ทั้งทำเล ราคา และกลุ่มเป้าหมาย เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ถือหุ้นและลูกค้า ได้เข้าใจว่า พราว คือใคร โดยการจับตลาดเฉพาะ(Niche) ในโครงการไม่ใหญ่ แต่มีจุดขายที่แตกต่างจากคนอื่น โดยใช้ประโยชน์จากพราว กรุ๊ป มาสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจ