'COVID-19' ฉุดยอดขาย 'สมาร์ทโฟน' ทั่วโลกดิ่งหนัก

'COVID-19' ฉุดยอดขาย 'สมาร์ทโฟน' ทั่วโลกดิ่งหนัก

ผลจากการระบาดของ "โควิด-19" ส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟนใน "จีน" ลดลงถึง 20.3% ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดโดยรวม เพราะจีนมีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก

อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า   คอร์พอเรชัน (ไอดีซี) บริษัทวิจัยข้อมูลระหว่างประเทศ เผยแพร่รายงานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกดิ่งลงหนักสุดในช่วงไตรมาสแรก โดยอยู่ที่ 275.8 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีก่อน 11.7% ส่วนบริษัทวิจัยอีกแห่งคือ คานัลลิสต์ ระบุว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนร่วงลง 18% 

"ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอน จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ยอดขายสมาร์ทโฟนจะลดลงยิ่งกว่านี้ในอนาคต หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังดำเนินต่อไปเนื่องจากผู้บริโภคจะไม่ตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนใหม่เร็วนัก” ทารัน พาทัก นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยข้อมูลเคาท์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ช ให้ความเห็น 

ยอดส่งออกสมาร์ทโฟนทั่วโลกในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ลดลงมากที่สุดเพราะปัญหาความวุ่นวายต่างๆ ตลอดจนความไม่แน่นอนที่เป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ที่ฉุดความต้องการสมาร์ทโฟนทั่วโลกอย่างมาก โดยในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนส่งสินค้าออกไปขายในจำนวน 275.8 ล้านเครื่อง ลดลง 11.7% จากปีก่อนหน้านี้ และถือเป็นการลดลงรายปีมากที่สุด

รายงานของไอดีซีระบุว่า จีน มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนลดลง 20.3% ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดโดยรวมเพราะจีนมีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก โดยธุรกิจส่วนใหญ่ในจีน ปิดกิจการ ส่วนโรงงานก็ยุติสายการผลิตในเดือนก.พ. ภายใต้คำสั่งของรัฐบาลจีนที่ต้องการบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้บรรดาบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่พึ่งพาโรงงานผลิตในจีนพลอยได้รับผลกระทบขาดแคลนสินค้า ส่วนยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในสหรัฐและยุโรปตะวันตกร่วงลง 16.1% และ 18.3% ตามลำดับ

158835721558

“ยอดขายสมาร์ทโฟนที่ลดลงอย่างหนักในช่วงไตรมาสแรกเป็นผลมาจากข้อจำกัดด้านซัพพลายจากจีน ตามาด้วยปัญหาด้านความต้องการสินค้าลดลงที่เริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงปลายไตรมาส” นาบิลา โพพอล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากเวิร์ลดไวด์  โมบาย ดีไวซ์ แทรคเกอร์ส์ ของไอดีซี กล่าว

158835719614

วันเดียวกันนี้ "แอปเปิล อิงค์" ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2563 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ระดับ 1.125 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 2.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 2.46 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี และมากกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.27 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ส่วนยอดขายอยู่ที่ 5.83 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อเทียบเป็นรายปี และมากกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5.45 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ รายได้จากการขายบริการต่างๆ ของแอปเปิล พุ่งขึ้น 17% สู่ระดับ 1.335 หมื่นล้านดอลลาร์ และรายได้จากการขายอุปกรณ์สวมใส่ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพิ่มขึ้น 23% สู่ระดับ 6.28 พันล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากการขายไอโฟนลดลง 7% สู่ระดับ 2.896 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลงท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม "หัวเว่ย" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนโลก กล่าวว่า ในปี 2562  ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้สูงถึง 8.5 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น18% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยฝ่ายธุรกิจผู้บริโภคของหัวเว่ยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์หลายประเภทเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึง สมาร์ทโฟน ซึ่งมียอดจัดส่งมากกว่า 240 ล้านเครื่องในปีที่แล้ว ครองอันดับ 2 ในตลาดโลก 

ด้านธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณเสียงไร้สายก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยเติบโตมากกว่า 200% โดยในเดือนม.ค. ปี 2563 โทรศัพท์สมาร์ทโฟนระบบ 5จี ของหัวเว่ย มียอดจัดส่งแล้วมากกว่า 10 ล้านเครื่อง

“สตราติจี อะนาลลิติกส์” คาดการณ์เมื่อประมาณปลายเดือนก.พ.ว่า ในปี 2563 ยอดขายสมาร์ทโฟน 5จี จะอยู่ที่ 199 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมดของปีนี้

พร้อมทั้งคาดว่ายอดการจัดส่งโทรศัพท์ 5จีทั่วโลกจะสูงถึง 199 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของยอดการจัดส่งและเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ จากในปี 2562 ที่ขายได้ 19 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 1% และคาดว่ายอดขายสมาร์ทโฟน 5จี ในปี 63 กว่า 90% จะมาจากประเทศจีน สหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ซึ่งประเทศเหล่านี้มีการเปิดให้บริการ 5จี อย่างเป็นทางการแล้ว

ส่วนการจัดส่งสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 63 เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก จะมีการจัดส่งช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้เพื่อรอความชัดเจนของการรองรับมาตรฐานเครือข่าย 5จี ในอนาคต ขณะที่อินเดียและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวนมาก ยังไม่มียอดขายสมาร์ทโฟน 5จี เนื่องจากขั้นตอนการเปิดใช้เครือข่าย 5จีอย่างเป็นทางการถูกเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี

สตราติจี อะนาลลิติกส์ ยังคาดการณ์ว่า ยอดขายโทรศัพท์ 5จีภายในปี 2568 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าจะมีมากกว่า 1 พันล้านเครื่องทั่วโลก เนื่องจากในช่วงนั้นจะมีโทรศัพท์ 5จีที่มีราคาถูกจะเริ่มเปิดตัวและวางขายในท้องตลาดอย่างกว้างขวาง

แต่นักวิเคราะห์จากคานัลลิสต์ ยังคงไม่มั่นใจว่าตลาดสมาร์ทโฟนจีนจะฟื้นตัวกลับคืนมาได้ในปีนี้ เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งอัตราการว่างงานในอุตสาหกรรมภาคการผลิตในจีนที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งแรงงานตกงานในธุรกิจค้าปลีก การท่องเที่ยว และภาคการเดินทาง ประกอบกับรายได้และผลกำไรของภาคธุรกิจที่ทรุดลงอย่างหนัก ทำให้ไม่มั่นใจว่าผู้บริโภคจีนจะพร้อมจับจ่ายใช้สอยเหมือนช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือไม่ 

คานัลลิสต์ คาดการณ์ในแง่ดีที่สุดว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนปีนี้จะอยู่ที่ 326 ล้านเครื่อง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน 5จี จำนวน 137 เครื่อง  

ขณะที่เคาท์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ช ระบุว่ายอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้จะลดลงประมาณ 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่บริษัทต่างๆ มียอดส่งออกไม่ถึง 300 ล้านเครื่องในไตรมาสแรก