เกาะกระแส ‘โซเชียลคอมเมิร์ซ’ ไทยแรงติดอันดับท็อป10โลก

เกาะกระแส ‘โซเชียลคอมเมิร์ซ’ ไทยแรงติดอันดับท็อป10โลก

ร้านค้ามีออเดอร์เพิ่มขึ้น 59% ยอดการซื้อขายโต 84%

158829535893

ส่วนสินค้าที่ขายดีคือ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่างฟิลิปปิสน์และเวียดนามก็มีการปรับตัวในทิศทางเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การขายสินค้าผ่านไลฟ์สดสามารถกลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักให้แก่ธุรกิจค้าปลีก

ปัจจุบัน ไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการขายสินค้าผ่านการไลฟ์สด ด้วยจำนวนกลุ่มบนเฟซบุ๊คมากกว่า 1,200 กลุ่มที่ผู้ค้าชาวไทยแชร์การไลฟ์ มีผู้ค้าเข้ามาไลฟ์มากกว่า 1.5 แสนราย และจากจำนวนดังกล่าว 30% ได้ทำการไลฟ์ภายใน 60 วันที่ผ่านมา ที่น่าสนใจจากเดือนก.พ.มีผู้ค้ารายใหม่เข้ามาร่วมลงทะเบียนใช้แพลตฟอร์มของบริษัทเพิ่มขึ้น 5 เท่า

มากกว่านั้นต่อหนึ่งคำสั่งซื้อยอดขายจากการไลฟ์ในไทยสูงกว่าประเทศอื่นๆ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16 ดอลลาร์ หรือ 500 บาท ส่วนประเทศอื่นๆ ประมาณ 6 ดอลลาร์

“แม้ว่าสถานการณ์โควิดจะมีส่วนในการส่งเสริมการขายผ่านไลฟ์สด เพิ่มยอดขาย การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ทว่าหลังจากกลับมาสู่ภาวะปกติ ตัวเลขน่าจะยังคงสูงในระดับนี้ต่อไป จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และมีความเคยชินกับการขายรูปแบบนี้ คาดด้วยว่าเทรนด์นี้จะเพิ่มมากขึ้นไปอีกในอนาคต”

ช้อปพลัสเผยว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ร้านค้าผู้ใช้บริการของช้อปพลัสมีออเดอร์เพิ่มขึ้นถึง 59% และมียอดการซื้อขายสินค้ารวม (GMV) ต่อเดือนเติบโตขึ้นกว่า 84% โดยระหว่างเดือนก.พ.ถึงมี.ค.มีร้านทองที่ขายทองคำแท้ผ่านการไลฟ์สดมียอดออเดอร์มากขึ้นถึง 216%

นอกจากนี้ พบด้วยว่าช่วงสองเดือนที่ผ่านมีจำนวนร้านค้าที่พยายามมองหาตัวช่วยจัดการออเดอร์จากการขายไลฟ์สดเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยอัตราการรับรู้ที่สูงขึ้นในการไลฟ์แต่ละครั้ง จากคนกักตัวอยู่บ้านและหันมาซื้อสินค้าผ่านการไลฟ์สด แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดยอดขายมาจากการปฏิสัมพันธ์ที่เหมือนการซื้อขายในชีวิตจริง

สำหรับช้อปพลัส แนวทางธุรกิจมุ่งนำเทคโนโลยีเอไอมาช่วยจัดการออเดอร์ อำนวยความสะดวกให้ผู้ขายสามารถขายได้เพิ่มขึ้นและจัดการได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมานั่งเก็บออเดอร์หรือจัดการด้วยวิธีแบบเดิมที่ยุ่งยากและล่าช้า โมเดลรายได้คิดเป็นค่าบริการรายเดือน 1,500 บาทต่อเดือน