'ทริส' เล็งหั่นเรทติ้งบจ.มากกว่าปีก่อน ผลโควิดฉุด 'กำไร-กระแสเงินสด'

'ทริส' เล็งหั่นเรทติ้งบจ.มากกว่าปีก่อน ผลโควิดฉุด 'กำไร-กระแสเงินสด'

"ทริสเรทติ้ง" คาดปีนี้ มีบริษัทถูกปรับลดอันดับเครดิตมากกว่าปีก่อน ที่มี 16 บริษัท เหตุ "โควิด-19" ระบาด กระทบผลการดำเนินงานหลายอุตสาหกรรมชะลอตัว เผยกลุ่มสายการบิน ท่องเที่ยว-โรงแรม และธุรกิจเดินเรือ กระทบหนัก แนะบริหารสภาพคล่องให้ดี

นายศักดิ์ดา พงศ์เจริญยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า คาดปีนี้มีบริษัทถูกปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้งมากกว่าปี 2562  เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมต้องปิดดำเนินกิจการชั่วคราว  กระทบผลการดำเนินงานและฐานะการเงินอ่อนแอลง หากบริษัทมีกระแสเงินสดลงถึงระดับที่ไม่สอดคล้องกับอันดับเรทติ้งในปัจจุบันนั้น ก็ต้องถูกปรับลดเครดิตเรทติ้งให้สะท้อนกับฐานะการเงิน

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยของทริสเรทติ้ง ได้ทำบทวิเคราะห์ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ออกเป็น3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาก คือ กลุ่มสายการบิน กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจเดินเรือ ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจรถยนต์ และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 

ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบปานกลาง คือ ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขนส่ง(ไม่ใช่สายการบิน) ก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจด้านเงินทุน  และธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อย คือ ธุรกิจอาหารและสินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และโทรคมนาคม 

จากการรวบรวมข้อมูลการประกาศอันดับเครดิตของบริษัท ทริสเรทติ้ง ในช่วงไตรมาส1ปี 2563 พบว่า ทริสเรทติ้งประกาศอันดับเครดิตบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จำนวน 30 แห่ง แบ่งเป็นปรับลดอันดับเครดิตจำนวน 3 บริษัท , ประกาศเครดิตพินิจ จำนวน 6บริษัท และ คงอันดับเครดิต จำนวน 21บริษัท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีการปรับเพิ่มแนวโน้ม 3 บริษัท ปรับลดแนวโน้ม 4 บริษัท และแนวโน้มคงเดิม 14 บริษัท 

บริษัทที่ถูกปรับลดเครดิต 3 บริษัท คือ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC)จากA- เป็น BBB เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่อ่อนแอมากกว่าที่คาด โอกาสฟื้นตัวยังเป็นไปได้ค่อนข้างยากในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้าจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ 

บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR) จากBBB- เป็นBB+เพราะผลการดำเนินงานที่อ่อนแอโดยบริษัทมีรายได้ในช่วง 9เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท ลดลงถึง 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีงานรอส่งมอบจำนวนมาก และรายได้ยังต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการเอาไว้ และ บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป(ACAP)ซึ่งต้นปีนี้ได้ปรับลดไปแล้ว2 ครั้ง โดยครั้งนี้ถูกปรับลดจากB เป็น C และครั้งล่าสุดอยู่ที่ D เพราะบริษัทผิดนักชำระหุ้นกู้(ACAP202A)ที่ถึงกำหนดวันที่ 7 ก.พ.2563 มูลค่า 395.30 ล้านบาท