สธ. จับมือ WHO เปิดตัวสายด่วน 3 ภาษาเพื่อนบ้าน ตอบคำถามโควิด-19

สธ. จับมือ WHO เปิดตัวสายด่วน 3 ภาษาเพื่อนบ้าน ตอบคำถามโควิด-19

สธ. จับมือ WHO NGO partners และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดบริการสายด่วน 3 ภาษาเพื่อนบ้าน เพื่อให้ข้อมูลและตอบคำถามเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในแรงงานข้ามชาติในไทย หวังให้แรงงานดูแลตนเองอย่างถูกต้อง ทำให้ควบคุมโรคในประเทศไทยได้มีประสิทธิภาพ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานร่วมกับ ดร.แดเนียล เคอร์เทสซ์ (Dr. Daniel Kertesz) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงการต่างประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO partners) มูลนิธิรักษ์ไทย และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมเปิดตัว “สายด่วนแรงงานข้ามชาติ” (migrant hotline) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเเละความต้องการของกลุ่มเเรงงานข้ามชาติในไทยให้เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้อง

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ทำให้เกิดความต้องการข้อมูลทางด้านสุขภาพในหลากหลายมิติ ซึ่งสายด่วนแรงงานข้ามชาตินี้จะเป็นกลไกที่สำคัญสำหรับกลุ่มแรงงานที่พำนักในประเทศไทย ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ทั้งการป้องกันตนเอง ส่งผลให้เกิดการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ โดยจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา พบว่ามีแรงงานข้ามชาติ จำนวน 42 รายป่วยด้วยโรคโควิด-19 จึงสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการกระจายข้อมูลข่าวสารที่เจาะจงต่อกลุ่มเเรงงานเหล่านี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เเละมูลนิธิรักษ์ไทย ในการช่วยตอบคำถาม ผ่านสายด่วน ซึ่งสายด่วนนี้สามารถโทรได้ที่เบอร์ 1422 (สายด่วนกรมควบคุมโรค) โดยกดหมายเลขเข้าสู่ระบบภาษาเพื่อนบ้านที่ต้องการ ดังนี้ ภาษากัมพูชา กดหมายเลข 81 ภาษาลาว กดหมายเลข 82 และภาษาเมียนมา กดหมายเลข 83 ซึ่งเบอร์สายด่วนนี้จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป

ด้าน ดร.แดเนียล กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้ร่วมดำเนินงานกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านศักยภาพกลุ่มเจ้าหน้าที่หลักขององค์กรพัฒนาเอกชนไทย (Thai NGOs) ให้เป็นครู ก. เพื่อให้สามารถสอนแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งคิดว่าสายด่วนนี้จะสามารถลดปัญหาการไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเเละหลักประกันต่างๆ ได้