'แสนสิริ' โละสต็อกหมื่นล้าน ยอมขาดทุนกำไรรับวิกฤติโควิด

'แสนสิริ' โละสต็อกหมื่นล้าน ยอมขาดทุนกำไรรับวิกฤติโควิด

แสนสิริ เดินกลยุทธ์เร่งเข้าถึงตลาด หั่นราคา งัดโปรลดแลกแจกแถม หวังระบายสต็อก 1 หมื่นล้าน กำเงินสดรับมือวิกฤติโควิดส่อลากยาว 2 ปี เผย 5 นิวนอร์มอล โควิดสร้างปรากฎการณ์ใหม่วงการอสังหาฯ

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นตัวเร่ง ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในธุรกิจอสังหาฯ แสนสิริได้ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้กลยุทธ์ Speed to Market ด้วยการกดราคาแทบจะไม่มีกำไรเลยรวมทั้งให้โปรโมชั่นลดแลกจากแถมเพื่อระบายสต็อกที่มีอยู่มูลค่า10,000ล้านบาทจาก62 โครงการทั่วประเทศ แบ่งเป็น แนวราบ4,000 ล้านบาท แนวสูง 6,000 ล้านบาท ให้เกิดสภาพคล่องของกระแสเงินสด (Cash flow) กลับเข้ามาในบริษัทมากที่สุด เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 ที่คาดว่าจะลากยาว2 ปี

“หลังจากปรับตัวในการทำงานเร็วขึ้น ส่งผลให้ยอดขายไตรมาสแรกสูงถึง11,000 ล้านบาท และมียอดโอน9,000 ล้านบาท ทั้งที่ปกติยอดขายในไตรมาสแรกจะไม่สูงมากนักจะสูงในช่วงไตรมาส4 แสดงให้เห็นถึงผลตอบที่ดีจากกลยุทธ์ดังกล่าวและจะดำเนินการต่อไปจนกว่าสต็อกที่มีเหลืออยู่หมด”

โดยล่าสุด 3 สัปดาห์แรกในเดือนเม.ย. สามารถทำยอดขายได้กว่า 4,000 ล้านบาททำให้บริษัทมีการปรับเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 12,000 ล้านบาท

นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม และบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแนวโน้มของวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในช่วงโควิด ทำให้เกิดความปกติใหม่ (New Normal) ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้นำศึกษาถึงแนวคิด “The New Normal for Sansiri Living” ใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.นิวนอร์มอลด้านการดูแลโครงการและบริการ บริษัทได้ยกระดับความเข้มงวดด้านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค รวมถึงตรวจวัดไข้ทั้งพนักงานและลูกบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

2.นิวนอร์มอล ด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย โดยการเติมเต็มประสบการณ์แบบลดการสัมผัส (Touchless Journey) ใส่ใจด้านความสะอาดและถูกสุขอนามัย, 3.นิวนอร์มอล ด้านการจัดการของเสีย ด้วยการเพิ่มมาตรการจัดการขยะติดเชื้อจากหน้ากากอนามัยที่ปลอดภัย และวางระบบจัดการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากฟู้ด เดลิเวอรี่ หรือออนไลน์ ชอปปิ้ง ที่สูงขึ้น

4.นิวนอร์มอล ด้านการออกแบบและพัฒนาโครงการ ด้วยการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบลดการสัมผัส พร้อมผสานการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา (Work Anywhere, Anytime )และทุกไลฟ์สไตล์การพักผ่อน และ 5.นิวนอร์มอลด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัย กับ LIV-24 คือบริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ดูแลความปลอดภัย เพิ่มความอุ่นใจตลอดการอยู่อาศัยของลูกบ้าน

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า โครงการ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 เป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% เริ่มส่งมอบโครงการตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา และปัจจุบันยังมีการส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง

“เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 จะเป็นโครงการต้นแบบในการรองรับวิถีชีวิตที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในด้านการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา,การเว้นระยะห่างทางสังคม , การใช้ชีวิตที่คำนึงถึงสุขอนามัยและความสะอาด ตลอดจนการใช้ชีวิตแบบลดการสัมผัส ที่จะนำมาปรับใช้ในโครงการพร้อมอยู่ในปัจจุบันและอนาคต ” นายอภิชาติ กล่าว