‘กลุ่มรพ.’ป่วยพิษโควิด ‘บำรุงราษฎร์’ กำไรโค้งแรกทรุด 29% ลูกค้านอกหาย

‘กลุ่มรพ.’ป่วยพิษโควิด ‘บำรุงราษฎร์’ กำไรโค้งแรกทรุด 29% ลูกค้านอกหาย

หุ้น “กลุ่มโรงพยาบาล” โชว์ผลงานผิดคาด ส่งผลโบรกเกอร์ปรับมุมมองการลงทุนใหม่ “บำรุงราษฎร์” เผยไตรมาสแรกกำไรทรุด 29% เหตุลูกค้านอกวูบหนักจากพิษโควิด ขณะ “นักวิเคราะห์” คาดไตรมาส 2 ผลดำเนินงานกลุ่มโรงพยาบาล ส่อหนักขึ้น ประเมินทั้งปีอาจหดตัว 12%

ในช่วงแรกที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" เริ่มแพร่ระบาด หุ้น "กลุ่มการแพทย์" ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลุ่มที่น่าจะเป็น ‘หลุมหลบภัย’ ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่จนถึงปัจจุบันดูเหมือนว่าหุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับตัวลดลงมาไม่ต่างจากตลาดเท่าใดนัก

ดัชนีกลุ่มการแพทย์ (HEALTH) ณ วันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ลดลง 18.13% เทียบกับดัชนี SET ที่ลดลง 19.30% จากปลายปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกังวลต่ออนาคตของหุ้นกลุ่มนี้ไม่ต่างกัน

ล่าสุด นับแต่ต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมตลาดเริ่มฟื้นตัว หุ้นกลุ่มการแพทย์ก็ปรับตัวขึ้นได้ต่ำกว่าตลาด โดยบวกมา 9.46% ขณะที่ตลาดเพิ่มขึ้น 13.25%

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาพรวมของกลุ่มดูอ่อนแอกว่าตลาดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เพราะผู้นำกลุ่มอย่าง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) และบมจ.สมิติเวช (SVH) ปรับตัวขึ้นได้ต่ำกว่าตลาด ราว 4 – 10%

ทั้งนี้ BH เป็นหุ้นที่ปรับขึ้นได้ต่ำสุดในบรรดาโรงพยาบาลขนาดกลางและใหญ่ โดยถูกกดดันจากผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งรายงานออกมาลดลงถึง 29.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำได้ 765.20 ล้านบาท ซึ่งบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 รวมถึงการปิดเมืองในประเทศไทยและการห้ามเดินทางในทุกประเทศทั่วโลก ส่งผลรายได้รวมของไตรมาส 1 ปี 2563 อยู่ที่ 4,179 ล้านบาท ลดลง 11.7 % จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยผู้ป่วยชาวไทยลดลง 2.5% และผู้ป่วยชาวต่างชาติลดลง 16.4%

158816983272

ด้าน บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดการณ์ แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาล 7 บริษัท ได้แก่ BDMS, บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) บมจ.โรงพยาบาพระราม 9 (PR9) บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) บมจ.โรงพยาบาลลาดพร้าว (LPH) และบมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH) มีกำไรปกติในไตรมาสแรกที่ 2,615 ล้านบาท ลดลง 26% จากปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มรุนแรงใน เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สามารถแบ่งโรงพยาบาลได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่มีรายได้จากประกันสังคม คาดกำไรปกติยังเติบโตได้ แม้คนไข้เงินสดจะลดลง แต่ได้ผลบวกจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมเมื่อตอนต้นปี ราว 5.6%

ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยเงินสด และมีสัดส่วนลูกค้าลูกค้าต่างชาติสูงจะถูกกระทบค่อนข้างรุนแรง ได้แก่ BDMS คาดกำไรปกติ 2,024 ล้านบาท ลดลง 31% PR9 คาดกำไรปกติ 69 ล้านบาท ลดลง 20% ขณะที่ EKH ผลประกอบการลดลงหนักสุดในกลุ่ม คาดกำไร 17 ล้านบาท ลดลง 61%

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2 คาดว่าผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาดลดลงมากขึ้นอีกจากไตรมาสแรก เพราะเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ลูกค้าต่างชาติหายไปเกือบหมด และลูกค้าชาวไทยที่ไม่กล้าเดินทางมารักษา อย่างไรก็ตาม บล.หยวนต้า ยังคาดการณ์ว่า ครึ่งปีหลังสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มเพิ่มในอัตราที่ลดลงจาก

ด้าน บล.บัวหลวง ระบุว่า ปรับประมาณกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส คาดกำไรของกลุ่มจะปรับลดลง 12% ในปีนี้ โดยมองว่า บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) จะยังคงรายงานกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ตามมาด้วย BCH และคาด BH และ BDMS จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากผู้ปวยต่างประเทศที่ลดลง ส่วนไตรมาสแรกนี้ ประเมินกำไรหลักของกลุ่มปรับตัวลดลง 11% จากปีก่อน

โดยภาพรวมแล้ว ดูเหมือนว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ต่างจากกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ จนกว่าที่การสัญจรของผู้คนบนโลกจะกลับเป็นปกติอีกครั้ง