'องอาจ' ขอรัฐทำงานเชิงรุก เพิ่มมาตรการช่วยคนยากลำบากทั่วทุกพื้นที่

'องอาจ' ขอรัฐทำงานเชิงรุก เพิ่มมาตรการช่วยคนยากลำบากทั่วทุกพื้นที่

"องอาจ" ขอรัฐทำงานเชิงรุก เพิ่มมาตรการช่วยเหลือคนยากลำบากจากผลกระทบโควิด-19 ให้ทั่วถึงทุกพื้นที่

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 63 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ถึงแม้รัฐบาลจะเร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้ทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพยายามอุดช่องโหว่ต่างๆ ที่ทำให้การช่วยเหลือยังไม่ไปถึงประชาชนบางส่วน ซึ่งจากการลงพื้นที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พบว่า ยังมีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่มาขอความช่วยเหลือผ่าน ส.ส.หลากหลายรูปแบบ

“ประชาชนกลุ่มนี้จะลำบากมาก ไม่มีรายได้ ไม่มีการจ้างงาน เช่าห้องพักราคาถูกอยู่รวมกันหลายคน หาเช้ากินค่ำ ไม่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลใดๆ ที่จะได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ ไม่อยู่ในกลุ่มมีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อเดือน ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ไม่อยู่ในฐานข้อมูลเกษตรกรที่จะได้เงินเยียวยา ทุกวันนี้คนเหล่านี้ส่วนหนึ่งอยู่ได้ด้วยข้าวกล่อง ถุงยังชีพที่ผู้มีจิตศรัทธามามอบให้ แต่ก็ไม่ได้ทุกวัน ถ้าสถานการณ์โควิด-19 ยังมีการแพร่ระบาดอยู่ ยังไม่สามารถใช้ชีวิตทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำได้ตามปกติ คนเหล่านี้ก็จะอยู่กับการใช้ชีวิตที่ลำบากมากยิ่งขึ้น คงไม่สามารถใช้ชีวิตรอรับของบริจาคได้ตลอดไป จึงขอเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการเชิงรุกให้ความช่วยเหลือเจาะไปยังกลุ่มคนเหล่านี้โดยตรงให้มีอาหารประทังชีวิต จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ เพื่อทำให้การช่วยเหลือเดินหน้าได้รวดเร็ว ตรงกลุ่มเป้าหมาย” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกจากใช้กลไกรัฐ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ควรใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาล อบต. ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่อยู่แล้วเข้าไปสำรวจตรวจสอบแล้วให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที ส่วนพื้นที่ กทม. รัฐบาลร่วมกับ กทม.ใช้กลไกท้องถิ่นของ กทม. ให้ผู้ว่าฯ กทม. สั่งการให้ ผอ.เขตต่างๆ ระดมเจ้าหน้าที่ทำงานเชิงรุกออกสำรวจช่วยเหลือคนกลุ่มที่ยากลำบากที่สุดกลุ่มนี้ และจัดหาอาหารให้พอประทังชีวิตไปได้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“ขอฝากรัฐบาลให้เร่งช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งไม่น่าจะเกินกำลังของภาครัฐที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เพียงแต่ต้องทำงานเชิงรุกด้วยหัวใจเข้าไปในพื้นที่ทุกซอกทุกมุม ก็จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มคนที่ยากลำบากที่สุดได้อย่างแน่นอน” นายองอาจ กล่าว